คาถาต่างๆ

คาถาเสกข้าวกิน

อิติปิโสภะคะวา ตะโจนัง อิติ คงคัง พุทธัง สะระนังคัจฉามิ อิติปิโสภะคะวา ตะโจนัง อิติ คงคัง ธัมมัง สะระนังคัจฉามิ อิติปิโสภะคะวา ตะโจนัง อิติ คงคัง สังฆัง สะระนังคัจฉามิ

เสกข้าวกินสามเดือนตัวเป็นเพชรฯ


คาถาเรียกจิต

โอมมะพุทธังผูกจิต โอมมะธัมมังมัดใจ โอมมะสังฆังรัดกาย กรึงไว้ด้วยนะผูก โมมัด พุทรัด ทารึง ยะกรึงมังป่องฯ

คาถาเรียกคาถา

ระโชหะระนังระชางหะระติฯ

คาถากันหมา

โอมซีเซียวสวงตาเห็นกูเดินมาสุนักคะโตหิฯ

คาถาเสดาะทำน้ำมนต์ให้กิน
อิมัง มานัตตังนิขิปปามิ อิมัง สะนัตตังนิขิบมิ อิมัง วัตตัง นิขิบปามิฯ


คาถาเสกเหล้ากินอยู่คง

นะมั่น โมคง พุทธาเหนียว ยะกระดูกกระเดี้ยวเหนียวทั้วกายา สาระพัดศัตราฟันแทงกูมิเข้า พระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ทรงในกาย ตัวกู พุทธังกายสิทธิ์ ธัมมังกายสิทธิ์ สังฆังกายสิทธิ์ พระเจ้าแผลงฤทธิ์ อยู่ด้วย กะนะอะ ฯ เสกสามจบ

คาถาธรณีสารแล

โอมอุดทะเน มิตจิตตัง พันทัง สะวาหะ โอมระงับ ดับจิต โมปิดใจ พุทมิให้ว่า ทาละลาย ยะกลับกลายคลายจิตอุมิ อะมิ อะมิยีมิโสกัง เสวามิ ภะราชา พัทธะสิงโห พะกาสันโต ราทะสิงโห สิทธิ สัตถาอาหะฯ

คาถาประสพเนตร

โอมพระนัย ยะเนตร กูเอ๋ย เป็นบ่วงคล้องต้องตานาง โอมมะละห้อย สวาโหมฯ
คาถาผูกจิต นะจับจิต โมจับใจ พุทธอาลัย ธากรุณา ยะเอ็นดู ประสิทธิเมฯ
คาถาประสพเนตร
สาธุ นะมะพะธะลูกนกแขกเต้า เข้าดลใจใครเห็นหน้ากู รักกูทักคนเข้าดลใจคนมะอะอุฯ
คาถาเรียกจิต
นะมะพุทธะ นะโมพุทธายะ นะมะอะอุ อิมัสถะ ปัญจะสังฆะ พุทธะโอมมะจิตใจฯ
คาถาพระยาไก่เถื่อน
เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา ทาสาธิกุ กุตะกุภู ภูกุตะกุฯ
ภาวนาทุกวันให้ได้ 3 เดือนจะมีปัญญาเป็นเลิศ ภาวนา 7เดือนจะมีปัญญายิ่งกว่าคนอื่นเดินทางให้ภาวนา 8คาบจะได้ลาบไม่มีภัย
คาถาเรียกผีหรือคนมาผูก
โอมมะพุทธังผูกจิต โอมมะธัมมังมัดใจ โอมมะสังฆังรัดกาย กรึงไว้ด้วยนะผูก โมมัด พุธรัด ธารึง ยะกลึงมังป่องฯ
คาถาพระเจ้าประสานบาตร์
อาปามะจุปะ ทิมะสัง อังคุ สิงวิธาปุ กะยะปะฯ
คาถาเสกพริกไทยกิน
โอมปรุโปร่งทรงปัญญา นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุททรงสายสินธ์ ธาทรงอากาศ ยะทรงวิชา ทาทรงอักษร โมทรงอักขะระ พุทธพาโม ฟ้านะทรงทรงฯ
คาถาเสกน้ำมันใส่ผม
โอมกูจะเสกน้ำมันขึ้นใส่หัว นะมะพะทะ หน้ากูคือดอกบัว นะมะพะทะ หัวกูงามคือกรงจักร นะมะพะทะ หญิงเห็นหญิงรัก นะมะพะทะ ชายเห็นชายชม นะมะพะทะ ขุนนางท้าวพระยา ย่อมมาพิศวง ให้ระทวย งวยงง โอมสิทธิสวาโม๋ม(โหม)ฯ
คาถาเมตตา

นะเมตตา โมกรุณา พุทปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู เมตตาตัวกูคือหญิงชายทั้งหลาย พุทสังมิ พุทโธ พุทธัง อะระหังพุทโธฯ คาถาประสพเนตร (อีกบทหนึ่ง) aโอมพระนัยยะเนตรกูเอ๋ย จงมาเกิดเป็นบ่วงคล้องต้องตานาง โอมนะโมจิตตังพันธังทะนังสวาหะฯ

คาถาปลุกตัว

aอิติปิโสภะคะวา นะโมพุทธายะ มะอะอุ อุอะมะ ยะธาพุทโมนะ วาคะภะโส อิติปิโสทายะ มะอะอุ อิสวาสุ อะสังวิสุโล นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุอุอะมะ อิติปาระมี ตาติงสา อิติโพธิมะนุปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม นะมาเรโส มาเรสะมะมะฯ

คาถาเรียกคาถาและเลขยันต์ทั้งปวง

aนะพุทโธ มาเรโส ยันตัง สันตัง มาเรสะ มามะมะ นะธัมโม มาเรโส ยันตัง สันตัง มาเรสะ มามะมะ นะสังโฆ มาเรโส ยันตัง สันตัง มาเรสะ มามะมะฯ

คาถาปลุกเครื่องทั้งปวง

aโอมปลุกมหาปลุก กูจะปลุกทั้งชั้นฟ้าแลชั้นดิน นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระสมุทรและสายสิน นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระอินทร์ และพระพรหม นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระยมและพระกาฬ นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระจตุโลกบาลทั้งสี่ นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งพระมาตุลีที่มีฤทธิ์ นะมะพะทะ กูจะปลุกทั้งจิตและทั้งใจ ให้ลุกขึ้น นะมะพะทะ โอมปลุกมหาปลุกลุกลุกสวาหะฯ

คาถาปลุกใช้ได้ 108

aโอมตำเนินพระราม นะมะพะทะ พระศุกร์ กูจะปลุกพระยันต์ทั้งหลาย นะมะพะทะ กูจะสำแดงพระนาราย นะมะพะทะ กูจะปลุกพระยันทั้งหลายให้ลุกขึ้น นะมะพะทะ โอมปลุกมหาปลุกลุกลุกสวาหะฯ

คาถาบทนี้ใช้ได้ 108

โอมสะขะเวสุสวาหะ โอมพระเนตตะรัง จะสุสวาหะฯ

คาถาจิต

นะสะหะตะตา จิตตังอิถี โสแห่งนาม (ชื่อผู้ชาย)จงมาหากูอาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ มานิมามะมะฯ aนะสะหะตะตา จิตตังอิถี โยแห่งนาม (ชื่อผู้หญิง)จงมาหากูอาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ มานิมามะมะฯ

คาถาเสกน้ำมันต่อ aโอมติด โอมต่อ โอมล่อ โอมชน เรียกเนื้อมาหาคนชนติดสนิทติดติดสวาหะฯ

คาถาภาวนาเรียกจิตคนทั้งหลาย

มะอะอุ พรหมมาจิตตัง จิตมนุษย์ สะหญิงชายทั้งแผ่นดิน โอมมามานิ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิจิตจงมารักกูทุกผู้ทุกคน มะอะอุ จงเกลื่อนกล่นกันมารักกู อุอะมะ สัพเพบุพผังจะมหาลาภัง พะวันตุเมฯโอมจิตตัง พันทัง ราชกุมาโรวา ราชกุมารีวา อิทถีโยวาปุริสโสวา ภานิชโชวา ประสันนะชิตโตวา อาคัจฉายะอาคัจฉาหิ มังเมมามะมะฯ

อินูกุสะนะอะนุกุสินะฯ==หัวใจมนุษย์

คาถาเสดาะ

พะทะนะมะ พะสะกะจะ ทะพะนะมะ พะลิกะจะฯ เสดาะได้สารพัดแล

คาถาเสกผ้านุ่ง

กะทะมะทะกะ นะชาลิติ นะโมพุทธายะ ยะนะมะพะนะ พะตะวาอิติอิติพะวาฯ

คาถานี้ภาวนาเป็นเสน่ห์แก่ผู้หญิงเสกสารพัดของกินให้มันกินรักเรานักแล เสกแป้งน้ำมันทำเป็นเสน่ห์ดีนักแล เอาชื่อมาเขียนใส่กระดาษทำใส้เทียนจุดบูชาพระแล้วภาวนากว่าจะสิ้นเทียนดีนักแล เอารอยตีนมันมาปั้นเป็นรูปแล้วเสกสามเที่ยวแล้วเอาไปเส้นแล้วมากอดนอนมันต้องมาหาเราแน่

คาถาเสกปูน

อิทถีโยจะโมเมหัง อิทถียังอามะอาตะไนย์ยะ อาคะไนย์หิ ติวะตับโพ อาคะไนย์หิฯ

เสกปูนใส่เต้ารักรักเราหมดทั้งบ้านแล

วายุพะสะฯ==หัวใจพระพายแล

คังคาสะอะฯ==หัวใจพระแม่คงคาแล

โสสะอะนิฯ==หัวใจพระกาฬแล

คาถาผูกปากสัตว์

ภะสัมสัมวิสะเทภะ อิติมุลิ ฯ ผูกปากสัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น อะอิมุลาโสทายะฯ คาถานี้แก้

คาถาเรียกภูตเข้าสาว

เอหิปัตถะวี พรหมมา เอหิเตโช มะรายะ เอหิอาโปอินตะรา เอหิวาโยอิสะละฯ เรียกภูตดีแลฯ

คาถาเรียกภูตมาผูก

จัตตุระภูตัง กายพันทะนัง เอหิจิตตังปิยังมามะมะฯ

คาถาผูกภูตแล

จัตตุระภูตา ทังนักคะรังสัมมาขะมามะมะฯ

คาถาใช้ได้ 108

นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ อิสวาสุ สุสวาอิ กันหะเนหะ หะเนหะกันฯ ใช้ได้ 108 ดีนักแล

คาถาทำน้ำมนต์

อะสังวิสุโลปุสะพุพะ นะมะพะทะฯ

คาถานี้ทำน้ำมนต์รดคนถูกกระทำต่างๆพ่นทรางพ่นตาแดงลมเพลมพัดแล

คาถาเสกหวายขับผีและทำน้ำมนไล่ผี

สัพเพเทวา ปิสาปัจเจวะ ปิจะคัดตัง ตาระปัดตัง ทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติฯ

คาถามัดผีและเสกด้ายผูกไข้

นะโมพุทธายะ นะผูก โมมัด พุดรัด ทารึง ยะแข็งขึง กรึงด้วย นะโมพุทธายะฯ

คาถาเรียกได้สารพัด

คัจชะมุมหิขิหิติ ติเลทาเลหิมะมะฯ

พระคาถาดับพิษไฟ

โอมอัคคี พระฤาษีให้แล้ว โอมน้ำแก้วรดอัคคีฯ คาถาอ้อยล้อย aโอมอ้อยล้อยอัคลักใจ ท้าวมาใส่ใจนางก็ให้ปากหาท้าวก็ให้ได้ใจกู ปากหานางก็ให้ได้ใจกู โอมสวาโหมติดอยู่บอได้ฯ

คาถาเสกหมากกินมีปํญญา

โอม เตระอุตตะมัง วะลังวะระมาหาปัญโญ สะวาโหมฯ คาถาเตาคาม aสิหินาเขโอ กะมันตุพุททะสาสะเนติทิทะตุฯ คาถาปัญญาดี aโอมปุปุ ทะลุปัญญา ปัญญาปุปุฯ

คาถาทำนะหน้าทอง เอาแป้งมาเสก

โอม นะมะอะอุ นะเมตตา นะมะอะอุ โมกรุณา นะมะอะอุ พุทปราณี นะมะอะอุ ธายินดี นะมะอะอุ ยะเอ็นดู บิดาค้ำชู มารดาป้องกัน พุทธังเคลิ้มจิต ธัมมังเคลิ้มใจ สังฆังหลงใหล มีใจรักกู ประสิทธิเมฯ แล้วลูบหน้าทาตัวทำ "นะหน้าทอง" เอาแป้งมาเขียนอัขระ "นะ" ลงบนผ่ามือเสกว่า นะหน้าทองผิวผ่องกายาหญิงชายทั่วหน้ามีใจปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู เห็นหน้ากูรักกูทุกคน มะอะอุฯ เสร็จแล้วลูบหน้า ทำผงคือเอาดินสอขาวหรือดินสอพองมาเขียนยันอิทธิเจ ลงบนกระดานชนวนเสกด้วยคาถานี้ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะจับจิต โมจับใจ พุทอาลัย ธากรุณา ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม ฯ แล้วลูบตะล่อมให้เป็นผงดินสอเอามาเจิมหน้าผาก

คาถาหนุมานคลุกฝุ่น

โอมพงษ์เผ่าเถ้าธุรี คงกระพันชาตรี สวาหะ หะนุมานะ คลุกคลี ติมะอะฯ

คาถาประกอบการทำดาบฟ้าฝื้น

นะโมนมัสการพระอิศวรนารายผู้เป็นเจ้าเท้าจะเสด็จลงมาตั้งฟ้าตั้งดิน ตั้งพระอินทร์ ตั้งพระพรหมตั้งพระยมตั้งพระกาฬ เธอจึงให้ตัวกูผลาญต้นไม้อันมีผี ตั้งพิธีเบิกโขนเบิกทวารบานประตูขุดคูขุดบ่อท่อถางทางขุดบางขุดสระแกะรูปพระสลักหนังฝังผีพลายและตายโหงตั้งต่อโลงและโกฏผา ทำศาลาและมณฑบ ทำพนมศพและพนมเมรุฯ

คาถาครอบคาถา

ตะมัสถังปากกาเสนโต สัตถาอาหะ กูจะสูบพระคาถาทั้งปวงเข้าไว้ในคอ กูจะยอพระคาถาทั้งปวงเข้าไว้ในอก กูจะยกพระคาถาทั้งปวงเข้าไว้ในเกศ ให้เป็นเอกกว่าคนทั้งหลาย เอหิปิยังมะมะ พระพุทธะคุณนัง พระธัมมะคุณนัง พระสังฆะคุณนัง ผูกพันคาถัง ปิยังเอหิฯ

คาถาทำหุ่น

โสสะอะนิฯ

คาถาปลุกหุ่น

สะอะนิโสฯ

คาถาเรียกหุ่นให้มาหา

อะนิโสสะฯ

คาถาผูกหุ่น

นิโสสะอะฯ

ขับหุ่น,ขับผีให้ไป

คาถาเสกน้ำดอกไม้ ผู้หญิงเอาน้ำดอกไม้มาเสก

โอมสิวลี จะ มหานานัง อินทา เทวาสะพรหมมา เทวา มนุสปูชิโต อิตถีปิยังลาภัง ภะวิสสะติฯ คาถาเสกขี้ผึ่ง aเอหิพุทธา ชนาจิตตัง เอหิธัมมา ชนาจิตตัง เอหิสังฆา ชนาจิตตังฯ

คาถาเมตตา

โอมมะอะอุ นะมะพะทะ นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู บิดาค้ำชู มารดาป้องกัน อาจารย์อุปถัมภ์ ยะธาพุทโมนะ นะโมพุทธายะ พุทธังเคลิ้มจิต ธัมมังเคลิ้มใจ สังฆังหลงใหล นะมะพะทะเพี้ยง เพี้ยง สวาหะฯ

คาถาเสกหมอนเรียกชื่อคนรัก

นามมะนัง สะมาโส ยุตตะโถ ยุตตะถะ นามมะทินเนถาเน นามมะ วิกรึงคะเร พุทธังรัตนัง ธัมมังรัตนัง สังฆังรัตนัง โอมจิตติ จัตตัง มะมะ อาคัจฉายะฯ

คาถาเสกแป้งผัดหน้า aนะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะจับจิต โมจับใจ พุทอาลัย ธากรุณา ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ สัพพะสิทธิ ภวันตุเมฯ

คาถาเมตตา

นามมานังสะมาโล ยุตตัตโถยุตตัตถะ นากาโรโหติ สัมภะโว อนุปะทิฏฐานัง วุตตะโยคะโต นะรานะรา หิตังเทวัง นะระเทเวหิ กามะปัง เกติ นะมามิ สุคะชิตังฯ เขียนชื่อคนรัก แล้วเสกใสกระดาษ หรือเสกก่อนไปพบคนรัก

คาถาเสกดอกไม้ให้ผู้หญิงดม aโอมนะปะโร รันนะ ขุเภติ พุทธัง สะระติจิตตัง สะมาคะมา ธัมมัง สะระติจิตตัง สมาคะมา สังฆัง สะระติจิตตัง สมาคะมาฯ

คาถาผูกจิต

นะจับจิต โมจับใจ พุทอาลัย ธากรุณา ยะเอ็นดู ประสิทธิเมฯ

คาถามหาละลวย

นะนะมะพะทะ นะเมตตามหาละลวย โมนะมะพะทะ โมกรุณามหาละลวย พุทนะมะพะทะ พุทปรานีมหาละลวย ธานะมะพะทะ ธายินดีมหาละลวย ยะนะมะพะทะ ยะเอ็นดูมหาละลวย สัพพะสิทธิภะวันตุเมฯ เสก108 คาบ

คาถาประสพเนตร

สาธุ นะมะพะทะ ลูกนกแขกเต้าเข้าดลใจใคร เห็นหน้ากูรักกูทุกคนเข้าดวลใจคน มะอะอุฯ คาถาอุดปืน aนะอุด โมอัด พุทปัด ธาปิด ยะสูญหาย นะโมพุทธายะ ฯ

คาถาอิติปิโสแปดทิศ

อิระชาคะตะระสาฯ ชื่อกระทู้เจ็ดแบก ด้านบูรพา

ติหังจะโตโรถินังฯ ชื่อฝนแสนห่าด้านอาคเนย์

ปิสัมระโร ปุสัตพุทฯ ชื่อนารายณ์กลืนสมุทรด้านทักษิณ

โสมานะกะริถาโทฯ ชื่อนารายณ์พลิกแผ่นดินด้านหรดี

ภะสัมสัมวิสะเทภะฯ ชื่อตวาดหิมพาน ด้านประจิม

คะพุทปันทูทัมวะคะฯ ชื่อนารายณ์กลืนจักร ด้านพายัพ

วาโธโนอะมะมะวาฯ ชื่อนารายณ์แปลงรูป ด้านอุดร

อะวิชสุนุตสานุสติฯ ชื่อนารายณ์ถอดรูป ด้านอีสาร

คาถาประกอบการทำดาบฟ้าฝื้น

นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ โอมมหาวินากัสสะ รัสสะปูชิโต สวาหะ โอมเชยยะ เชยยะ ปราเชยยะ ปราเชยยะ อะหัง มหาเพชรศัตรู ยะยังสัพพะลาภัง สวาหะ โอมนะรายะ เทวสังสิฤทธิ์ เดชะ ชัยยังกะโร โหติ ริทิ ริทิ หะตะราจะ มหามันตะระ มุวาส สะวาอิเมฯ

และคาถาดังต่อไปนี้

จะเชยยะ ทุมมิตัง พาลัง อาสีวิสังวะ มาณโว ภะเชยยะ ปาปะกัง กัมมัง นะฬาคารังวะ กุญชะโร กะเรยยะ กุสะลัง สัพพะ สิวังนิพพานะ มาวะหัง สะเรยยะ อนิจจัง ขันธัง นิพพิทาญณะโคจะรังฯ

คาถาเสดาะ

พุทธาประสูติ โสตถิ เตโหติ โสตถิ คัพภัสสะ สุทาวะหัง ตังปฏิกะริสสามีฯ เอาน้ำใส่ขันแล้วเสกกิน คาถาเดาะโซตรวน aนะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะพะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ ทะนะมะ นะสะจะภะกะ อุนะนะอุ อุมะมะอุ อุอะอะอุฯ เพี้ยง คาถาเสกข้าวสาร aกรณียะ มัตถะ กุสะเรนะ ยัยตัง สันตัง ประทังอภิสะเมจะ สักโกอุชูจะ สุหุชูจะ สุวะโล จัสสะมุทุ อะนะติ มานีติฯ

คาถาปลุกตัว

จัตตะปาโป ชิโนชันตุง จะตุราปาย ตาระโก จัตตะทานะวะโร พุทโธ จะตุสัจจาวะโพธะโก ภัคคะราโค ภัคคะโทโส ภัคคะโมโห อะนาสะโว ภัคคะสัส ปาปะกา ธัมมา ภะคะวาเตนะ วุจจะติ กะโรติ ภะคะวา นาถัง กะตะปุญญะสัส ชันตุโน กะเถติปุพพิกังกะถัง กะโรติ สัตตะโมจะนัง สัมมา สามัญจะ สัมพุทโธติ ปะเรชิโน สัทธัมมะรังสิยา โลเก สัพพัง ตะมัง วิโนทะยิฯ

คาถาหลวงปู่สุข(วัดมะขามเฒ่า)

สัตถาเทวะ มะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ "มะอะอุ"

คาถาเกี่ยวกับคาถาธาตุทั้ง4

คาถาคัดเลือด ปถวีธาตุ วาโยธาตุฯ

คาถากันงูกัด ปถวีธาตุ ฯ 7คาบ

คาถาประสานเนื้อ ปถวีธาตุ วาโยธาตุฯ 11คาบ

คาถามหาจังงัง ปถวีธาตุ วาโยธาตุ ฯ 12 คาบ

คาถาทำความ วาโยธาตุ เตโชธาตุ ฯ 9 คาบ

คาถาทำเทียนระเบิดน้ำ ให้เอาใบหรดาร 1 ใบสมี 1 เกษรดอกไม้และเครื่องหอมทั้งปวงพอสมควรผสมขี้ผึ้งหนัก 10 ตำลึง เอาด้ายสาวพรหมจารีย์ 108 เส้นทำเป็นใส้เทียน ควั่นแต่พองามดีจึงเสกด้วย "อาโปธาตุ" 108 คาบ จุดระเบิดเดินไปในน้ำได้ทุกแห่งแล

คาถาเรียกน้ำกิน หาน้ำกินไม่ได้ให้ขุดหลุมลึก 1 ศอก ภาวนา "อาโปธาตุ" 19 คาบ

คาถาถอดรูป ถ้าถอดรูปให้เป็นเช่นไรก็ดี ให้ภาวนาด้วยธาตุทั้ง 4 ปถวีธาตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ เตโชธาตุฯ

คาถาทำหุ่น ถ้าจะให้ผู้หญิงมาถึงเรือน ให้เอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็นรูปทั้ง 2 จึงเอกอดกันเข้า เอาใบรักมาหุ้มห่อรูปจึงเสกด้วย "ปถวีธาตุ เตโชธาตุ" ให้ได้ 108 คาบ ฝังป่าช้ามาหาเราแลฯ

คาถาปลุกพระพุทธรูป ปลุกพระพุทธรูป ให้เสด็จออกมา เสกข้าวสารด้วยธาตุทั้ง 4 "ปถวีธาตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ เตโชธาตุ" 108 คาบ โปรยไปที่พระพุทธรูป

คาถาลูบคมมีดให้หอกดาบ ปถวีธาตุ เตโชธาตุ

คาถาเสกน้ำมันไล่ผี เตโชธาตุ 18 คาบ

คาถาทำหุ่นชกมวย เอาขี้ผึ้งมาปั้นตุ๊กตา 2 ตัว กำลังตั้งมวยเสกข้าวสารด้วย ปถวีธาตุ เตโชธาตุ 16 คาบปลายไป

คาถาทำล่องหน เอาถ่านเผาผีตายวันเสาร์หรือวันอังคารเอามาแกะทำเป็นรูปคนเสกด้วย ปถวีธาตุ วาโยธาตุ 108 คาบ เอาใส่ขวดใส่น้ำมันหอมแช่ไว้แล้วเสกอีก 108 คาบเมื่อไปที่แห่งใด ก็เอาน้ำมันทาตัวไปเป็นล่องหนแลเมื่อกลับมาให้ต้มน้ำอาบถ้าพ้นวันไปจะกลายเป็นผีดิบ

จบคาถาธาตุทั้ง 4

คาถาอ้อจำ

พุทจำจิต โมจำใจ พุทจำไว้ ธะจำรักaถ คาถาอ้อป่อง aพุททรงฟ้า นะทรงดิน พุทใส่สิน ญะทรงมหะทรง

มนต์ศักดิ์สิทธิ์

นะโมพุทธายะ อุปปะสัมปะ นะมะพะทะ

มนต์ศักดิ์สิทธิ์

กะสุนะวิชมาอะโส วิตะสะระเทสาภะ โลโนระโธสัมวาปิ ทูโรทัมถิวะนังคะ โตปันจะพุทหังคะติ อะปุมะสัตมะพุทวา คะสัมชาสัมระภะอิ นุตริสาถานุสโธติ

คาถามหามนต์

ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร คาถาค้าขายดี

พุทธังพหุชนานัง เอหิจิตตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา ชมพูทีเป มนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันทังเอหิ

คาถาประสานกระดูก

จัตตาโร ปัตเต เอโก ยะถา อธิฏฐามิ

คาถาเป่าตาแดง

สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิธิ

คาถาถอนพิษคุณใสย์

สะมุหะเนยยะ สะมุหะคะติ สะมุหะคะโต สีมาคะตัง พัทธะเสมายัง สะมุหะนิตัพโพ เอวัง เอหิ นะเคลื่อน โมคลอน พุทถอน ธาเลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย

คาถาภาวนาหาลาภ

มะอะอุ สีวัง อะจุตตัง พระอะระหัง จุตติ โลกะวิทัง ยะธิระ สังฆังจุตติ จุตติ

คาถาพญานกการะเวก

ชานัง ชานัง ตักขะติ ติชชะธัมมัง อัตตะกัง มะระชาติ โพธิยา สะตัง ธัมมัง นะโมธัมมัง

คาถากันปืน มหาอุด 1) อะนิทัสสะนะอัป ปะฏิ ภาวนาบทนี้เขาลั่นไกปืนยิงเรามิได้เลย 2) อะนิทัสสะนะอัป ปะฏิคา ภาวนาบทนี้ลูกปืนไม่ออกจากลำกล้องเลย 3) อะนิทัสสะนะอัป ปะฏิคายะ

หากเขาคิดจะยิงเราอีก พอยิงลำกล้องปืนจะแตก ใช้ทั้ง 3 ทำสงครามไม่เป็นไร คาถาหัวใจพระยาปลาไหลเผือก aวิเวสุเวอะยะเวยะ ยะเสเพ เสวะเส ตะอะเสaถ คาถาผูกผี aอุปะคุตโต จะมหาเถโร อุปะคุตตังจะมหาเถรัง พันธะเวระ พันธานุภาเวนะ อิมัง กายพันธะนังอะธิฏฐามิฯ

คาถาดับไฟในนรก

เถโร โมคคัลลาโน นะระกัตตัง โลหะ กุมภี ทิสะวาอัคคิปัตติกัมปะติฯ

คาถามหาเมตตา

นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู อิติปิโสภะคะวา นะโมพุทธายะ

คาถาช้างหลงโขลง

อุอะมะ สังวัตติสงสาร เอหิใจพานมามะมาแห่งกูมาเร็วแม่เอยมารัก มาประจำหลักทรามรักประจำโขลงมาโรงแม่เวยนางทองอย่าเลือกนางเผือกประไพมะอยู่ไม่ได้

อะร้องไห้อุตามกูมาโอมสวาโหมติดติดฯ เสกของให้หญิงกิน

มนต์ปู่เจ้าสมิงไพร

โอมปู่เจ้าสมิงไพรกูจะใช้พระนารายณ์ไปร้องเรียกกูจะใช้พระลำเจียกให้ไปหากูจะใช้ปูนพลูให้ไปพามามึงรักกูเสมือนหนึ่งช้างรักงามึงรักกูเสมือนหนึ่งปลารักน้ำแม่มึงจะมาร้องไห้มาหากูโอมสิทธิคุณคะรุสวาหะฯaถ ท่านให้เสกพลูร่วมใบพันเข้าด้วยกัน ขว้างไปถูกคนที่เรารักใครพึงใจ และปรารถนา คนรักนั้นจะตามมาหาเราแน่นอน ประสิทธินักแล

คาถาหัวใจพระสังคหะ

จิเจรุนิอิสะเยนะวิกรึงคะเร

คาถาเสดาะกุญแจ

มะอะอุโออุโออะโอมะ

คาถาขอนิมิตฝัน

โอมอิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ทิสวานะตัง

คาถาป้องกันผีหลวง หลาวเหล็ก

สัตถา เทวะหะ สะมะนิทุ อิสะวาสุ สุสะวาอิ ภาวนาเวลาออกเดินทางไปต่างถิ่น

คาถาเสกใบพลู

ปะถะวี อาโป เตโช วาโย รัสโส

แก้คนเป็นลมหน้ามืดตาลาย

คาถาป้องกันถูกคุณ

พุทธังกันนะ กันนะพุทธัง ธัมมังกันนะ กันนะธัมมัง สังฆังกันนะ กันนะสังฆังป้องกันผีปอบ ผีโพรง ผีกระสือ

คาถาหัวใจพาหุง

พามานาอุกะสะนะทุ

คาถาหัวใจร้อยแปด

นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ

คาถามัดผี

นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึง ยะกรึง เอาไว้

กลั้นใจเอาหัวแม่มือวนรอบหัวแม่เท้าคนป่วยท่านให้เสกด้ายมงคล 3 เส้น

คาถาแก้ผีเข้า

นะเคลื่อน โมคลาย พุทหาย ธาแก้ ยะสูญหายบัดนี้

คาถาหัวใจสุนัก

อิมาอากิ

คาถาหัวใจเศรษฐี

อุอากะสะ อากะสะอุ กะสะอุอา สะกะอาอุ

คาถาห้ามเลือด

วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร

คาถามหานิยม

นะเมตตา โมกรุณา พุทปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู สัพพะประสิทธิมัง ปิยังมะมะ

คาถาผูกรัก

พุทธังรัตตะนัง ธัมมังรัตตะนัง สังฆังรัตตะนัง นะผูกโมมัดพุทรัดธารึงยะกรึงคะเร โอมสวาหะ

คาถาเสกดอกไม้ให้ผู้หญิงดม

โอมนะปะโร รันนะขุเภหิ พุทธัง สะระติจิตตัง สะมาคะมา ธัมมัง สะระติจิตตัง สะมาคะมา สังฆัง สะระติจิตตัง สะมาคะมา

คาถาคลายเครียด

ยะพุทโธนะโมถอยหลังศัตรูจังงังวินาสสันติ ยะธัมโมนะโมถอยหลังศัตรูจังงังวินาสสันติ ยะสังโฆนะโมถอยหลังศัตรูจังงังวินาสสันติ นะจังงัง โมจังงัง พุทละลาย ธาละลาย (ยะหายไป)

คาถาเมตตาและปลุกกุมารทอง

จิเจรุนิจิตตัง เจตะสิกังรูปัง นิมิตตังกุมาโรวาเจ้ารักเจ้ายมอาคัจฉาหิเอหิ นะมะพัททะ โอมศรีศรีครูกูชื่อปู่เจ้าสมิงพลาย พวกมึงจะต้องพากันตายด้วยน้ำมหาคม พวกมึงจะต้องพากันตายด้วยลม พวกมึงจะต้องพากันอยู่ไม่ได้ พวกมึงจะต้องพากันร้องไห้มาหากู โอมสิทธิสวาหะ พุทธะอืออึ ธัมมะอืออึ สังฆะอืออึ

คาถาเงินล้าน

ตั้งนะโม 3 จบ

นาสังสิโม (คาถาพระพุทธกัสสป)

พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)

พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)

มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)

มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)

พุทธะมะอะอุ นโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาปัจเจกพุทธเจ้า)

สัมปะติจฉามิ คาถาสนองกลับ(คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)

เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ (พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อฤาษีลิงดำเมื่อ พ.ย. 2533)

(บูชา 9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานีให้ปฏิบัติด้วยความจริงใจ ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่าลืมนะ! เวลาสวดมนต์แล้วให้สวดคาถานี้ 9 จบเท่าเดิมนะ และเวลาภาวนานอนภาวนาก็ได้ ว่าเรื่อยๆ ไปจนกระทั้งหลับไปเลยให้ทุกคนตั้งใจนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคิดว่าคาถาทั้งหมดนี้จงปรากฏอยู่ในจิตใจเราลาภผลต่างๆให้เกิดแก่เราตามที่พระองค์ทรงต้องการนะต้องทำสมาธิ หรือ ต้องเป็นผู้ใส่บาตรแก่ภิกษุสงฆ์อยู่เสมอเป็นนิจ แม้แต่ 1 องค์ขึ้นไปทุกๆวันมิได้ขาด รักษาศีล 5 หรือศีล 8 หมั่นสวดมนและว่าคาถานี้ 3-5-7-9 จบเมื่อใส่บาตรให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยก่อนแล้วจบขันข้าวและให้ว่าพระคาถานี้ 3-5-7-9 จบ เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วให้ระลึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และพระปัจเจกโพธิ์ ครูผึ้ง อาจารย์เนียรตลอดจนถึงพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน)วัดบางนมโค เป็นที่สุด ขอจงทรงมาโปรดข้าพเจ้าด้วย(หมายถึงผู้ที่กำลังปฏิบัติอยู่) บทนี้ขอเขียนมากหน่อยอยากให้ผู้ปฏิบัติสำเร็จเร็วต่อจากใส่บาตรแล้วก็หาน้ำสะอาดสะอาดมากรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปถึง ปู่-ย่า-ตา-ยาย -บิดามารดา และญาติมิตรสหายที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดถึงผู้มีพระคุณทั้งหลาย เวลาค่ำบูชาพระสวดมนแล้วว่าคาถาบทนี้ 3-5-7-9 จบและถ้าใครปฏิบัติดังนี้ทุกวันเป็นนิจจะมีลาภและมีความสุขความเจริญ เพราะหลวงพ่อปานวัดบางนมโค จะโปรดบุคคลทั้งหลายที่ยากจนขัดสน เพื่อให้พ้นทุกข์จากความอดอยากแต่ท่านห้ามประพฤติความชั่ว ต้องรักษาศีล 2 ข้อ ที่สำคัญสุดให้ได้แน่นอนก่อนการปฏิบัติพระคาถานี้คือ 1.อทินนาทาน เว้นจากการลักทรัพย์หรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่อนุญาตมาเป็นสมบัติของตน 2.เว้นจากการดื่มเสพสุรายาเมาทุกชนิด กับห้ามใช้ในทางมิจฉาชีพทุกชนิดและการพนันต่างๆด้วย

คาถาเงินล้าน

ตั้งนะโม 3 จบ

นาสังสิโม พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะฏิจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ ฯลฯ

ปะทะมังอุบปาชะตาหาสีตับโพฯ

คาถาเสกน้ำมันงาแล

นะกาโร กุคกุสันโท อยู่ตาซ้ายโมกาโรพระโกณาคมอยู่ตาขวาพระพุททะโร พระกัสสะโปอยู่หว่างคิ้วทากาโรพระศีสากะยะมุนีโคดมอยู่จมูก ยะกาโรพระศรีอาลนิยะไม้ตรีอยู่หน้าผากพระทำมาอยู่กระหม่อมพระสีสากะยะมุลณีพระทำอยู่กระหม่อมพระอินสวนณะรายมาอยู่บ่าซ้ายพระอินสวนณะรายมาอยู่บ่าขวาพระอินสวนณะรายมาอยู่ค้างหลังพระอินสวนณะรายมาอยู่ค้างหน้าเดชะคุณสมเด็จพระพุทถิเจ้าทั้งเก้าพระองค์จงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้นกันหน้าและหลังอยู่รอบขอบศรีพระวินังพระสังคีณีพระปอระมัดพระคาฐาพระพุดธิเจ้ามารักษาพระธัมมะเจ้ามารักษามารดารักษาพระอินรักษาพระพรมรักษาพระสังศีโกเทวาณังพระพุททะสามามีอิมังกายะภันทะณังอะฐิถามิฯ เอหิพุดทามาๆนุภาเวณะเอหิทำมาๆมานุภาเวณะเอหิสังคามาๆมานุภาเวนะมาเร็วมาฯ เอหิจัทตุระภุตาหบ้าหุตะมาลาอะคัจชัยญะอาคัจชัยหิมาเร็วมาฯคาถานี้เรียกแลฯ ยันนี้ฝังไว้ประตูบ้านสัตรูทำร้ายมิได้เลยฯ เทวากาณีๆกาวาเทวาหิสะๆกาวาหิกาเรพีๆเรกาๆนิสูภะญะยังๆสุนิฯ คาฐานี้มนมากสารพัดใช้ได้หลายอย่างอย่าสงสัยเลยฯ เดชะสูนิมะพุดจะนาวิเวฯ เสกไม้ขวางทางไว้เขาไล่มาทันเลย ภุยะตะรานิฯคาถานี้ลงเล็บมือคนไข้ออกฝีมีรายเลยหญิงลงขวาชายลงซ้ายแล วิทังเสติอะเสสะโตฯ คาถานี้กลั้นใจเสกน้ำลายทาฝ่าตีนอยู่ขวากหนามทั้งปวงแล โอมๆตีตากัจจายพิดสะวาหะฯ มนปูนทาฝีมิขึ้นได้เลยทั้งดับพิษด้วยแลฯ พุดทังปัดจะขามิ ทำมังปัดจะขามิสังคังปัดจะขามิแล้วเป่าไป จึงคาฐานี้เลา พุดทะวินญาอณัง วินาดสันติทำโมวินญานังวินาดสันติสังฆังฯ เสกเจ็ดทีตามแต่จะใช้เถิดแล้วดูตาสัตรู แล้วเป่าไปเครื่องและมนฑลเสียนเสียสิ้นแลฯ นันโทพระยักโขหะติโตภะยะคะโจโรปุสุปะสาปะรายันติฯให้ปลุกตัวในโบดผ้าขาวดาชเภดานดาบสามเหล้มรองตู้ชหนังแล

คาถาเสกยาสูบอยู่คง นะอะปะขะ ฯ เสกเจ็ดหนดีนักแล

คาถาเสกยาสูบอยู่คงเหมือนกันแล นะอะอะนะฯ

คาถาเสกน้ำลายทาตีน อิติปิงอทอยะฯ อยู่ขวากหนามแล

คาถาหัวใจสาวรัก ทะเวทะเวเนนังหิฯ เมื่อต้องการให้สาวรักเราจงเขียนคาถานี้ใส่ดอกไม้สีขาวหรือสีชมพูส่งให้สาวแล้วเขาจะรักเราชั่วชีวันถ้าเขารักเราแล้วหากเขาไม่พูดกับเราเสก 7 คาบ เขาจะรักเราจนยอมเสียสละทุกอย่าง

คาถาผูกจิต

พุทธสีลัง สังฆะสีลัง สัจจะสัจจัง จิตตัง สะวาหายะ ฯ

คาถาบทนี้ใช้เรียกเอาคาถาอื่นๆมาอยู่ในตัวเราก็ได้นอกจากนั้นแล้วเสก 7 คาบจะสามารถผูกจิตของคนให้งวยงงหลงไหลได้ทุกอย่างตามใจของผู้ใช้แต่มีข้อแม้อย่างเดียวว่า ผู้ใช้คาถานี้แล้วอย่ากินฟักแฟง เป็นอันขาดเพราะนอกจากจะใช้ไม่ได้ผลแล้วคาถายังกลับจะแพ้ตัวเราเองอีกด้วย ตะมัตถัง ปากกาเสนโต สัตถาอาหะ อาหะไกรสรราชสีห์ วิยะ อิมัง คาถะ มาหะ คาถาปราบผีขั้นเด็ดขาด อิติปิโส นะโมนะมัต กำจัด กำจาย กำโพง กำพาย นะปิดจับ นะโมนะมัด ตัวกูนี้คือพระยาจักขุบาล กูจักอ่านคาถาปราบผี อิอะ เสียงกูเป็นพรหมสี่หูแปดตา นะมัตสะถิ คุนะโมพุทธายะ คาถานี้ใช้บริกรรมปราบผีออกจากตัวคนได้ผลดีมาก

คาถาเรียกขมิ้นเข้าในตัว

เอตัง สะติ เต พุทธาฯ เอาขมิ้นผงใส่ฝ่ามือเรียกเข้า ในตัว

คาถาเสกก้อนดินทิ้งใส่ผู้หญิงให้รัก

โอมก้อนน้อยก้อนดินแก่นกูจักแบ่นใส่น้องนางเบี้ยว สาวเห็นกูดีคักมักกูดีค่อย สาวรักกู เหมือน ดังกล้วยรักกอ มึงรักกูเหมือนดั่งกอรักน้ำ คิดค่ำๆคิดอ่าวหากูโอมสะโหมติด ติดหน้าผู้หญิง

คาถาธนูมือ

โอมทะลืดตืดตืดเล็บมือ(ดู)(กู)เหมือนดั่งทองสองมือกูเหมือนดั่งหินหนักหมื่นกูตีช้างช้างก็ตายกูตีควายควายก็ล้มกูตีคนคนก็มรณาเวยหิเวยหา นะหินักๆนะหนาๆนะมีชัย ฯ คาถาคงฆ้อน ยมพะวิคง โอมปุนะปุคงคงสะหะพุทธังคง ธัมมังคง สังฆังคง คงสะหับ ฯ ฆ้อนตีไม่แตก

บทที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะกล่าวถึง อิติปิโส แปดด้าน

เอาถ่านไฟฝีตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร มาแกะเป็นรูปคนพันผ้าลงชมด พิมเสน แล้วปลุกด้วยคาถาว่า "อิระชาคะตะระสา" 108 คาบ นี้เป็นหุ่นผีอย่างหนึ่งใช้อะไรก็ได้สมปราถนา "อิติปิโสแปดด้าน ปลุกเสกอะไรก็ได้ หลายอย่าง ตลอดจนการปลุกผี" เอาถ่านไฟผีตายวันเสาร์ เผาวันอังคารมาแกะเป็นรูปคนพันผ้าลงชมดพิมเสนแล้วปลุกด้วยคาถาว่า "อิระชาคะตะระสา" 108 คาบนี้เป็นหุ่นผีอย่างหนึ่งใช้ให้ทำอะไรก็ได้สมความปราถนา "อิติปิโสแปดด้าน ปลุกเสกอะไรก็ได้หลายอย่างตลอดจนการปลุกหุ่นผี" ทั้งแปดคาถาตามปกติ ใช้ในพิธีสำหรับพิธีกรรม บริกรรม เป็นด้านๆตามทิศเพื่อป้องกันภัยอันตราย ต่างๆแต่จะมาใช้เป็นเวทมนต์เสกเป่าทำคุณไสยอยู่คงกระพันชาตีก็ได้ให้ชื่อไว้นั้นบงบอกสำหรับทางนี้ "อิระชาคะตะระสา"

ถ้าเสกข้าวกินจะอยู่คงหอกดาบ ถ้าเข้าผจญกับศัตรู ภาวนาสามทีจะเกิดกำลังดุจช้างสารเวลาภาวนาให้ระลึกถึงพระฤาษี 7ตน กับพระเจ้า 5 พระองค์ "ติหังจะโตโรถินัง"

ไปที่ใดหาน้ำไมได้เสกหมากกิน 5 คำ ไม่อยากน้ำเลย ถ้าไม่มีฝนอยากให้ฝนตกภาวนา 100,000จบระลึกถึงคุณพระอินทร์ พระพรหม ฝนก็ตก ถ้าคนเจ็บป่วยเป็นอันใดเสกน้ำพรหมหายแล ท่านให้ชื่อว่า ฝนแสนห่า บางแห่งเรียกนารายณ์ทำสิงหนาท

"ปิสัมระโลปุสัตพุท"

ถ้าฝีขึ้แห่งใดๆก็ดี ให้เสกพริกไทย 7 เม็ดเคี้ยวพ่นหายแล คาถานี้เป็นคาถาทำความสูญต่างๆท่านให้ชื่อว่า เกลื่อนสมุทรหรือบางทีเรียกนารายณ์กลืนสมุทร

"โสมานะณะกะริถาโธ"

ถ้าจะพูดเรื่องสำคัญให้สำเร็จ ให้ไปที่ต้นมะขามกลั้นใจรูดใบมะขามมากำมือหนึ่ง เสกด้วยคาถานี้ 3 ที เจ็ดทีแล้วเอาใส่พกไวไปเจรจาศัตรูก็ยอม ถ้าเป็นหญิงก็รักเราแล ท่านจึงให้ชื่อว่า นารายณ์พลิกแผ่นดินบางแห่งเรียกพลิกแผ่นดินหงายบางทีเรียกนารยณ์ขว้างจักร

"ภะสัมสัมวิสะเทภะ"

เวลาเดินทางพบช้างม้าสัตว์ร้ายโจรผู้ร้ายภาวนาคาถานี้เป็นจังงังดีนักแลถ้าจะให้แคล้วคลาดศัตรูหมู่ร้ายให้ภาวนาทุกเช้าค่ำเป็นมหามงคลดีนักแลท่านจึงให้ชื่อว่า ตวาดหิมพานต์

"คะพุทปันทูธัมวะคะ"

เสกน้ำเดาะกินบ้างรดศรีษะบ้างออกแลแม้ต้องขื่อคานโซ่ตรวนต้องจองจำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดีให้เสกน้ำก็ได้ เสกน้ำลายก็ได้ บริกรรมไป เครื่องจองจำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดีให้เสกน้ำก็ได้ เสกน้ำลายก็ได้ บริกรรมไป เครื่องจองจำพันธนาการหลุดลุ่ยออกหมดเป็นมหาวิเศษนักแล ท่านให้ชื่อว่า นารายณ์กลืนจักร

"วาโธโนอะมะมะวา"

ภาวนาสูดลมหายใจเข้าไปแล้วกลั้นใจยืนนิ่งเป็นกำบังหายตัว ศัตรูมิเห็นเลย เป็นมหาวิเศษนักแล

"อะวิชสุนุสสานุสติ"

ภาวนาเดินทางศัตรูมิเห็นตัวเราหาก สำคัญว่าคนอื่นแล แม้จะสะเดาะโซ่ตรวนกุญแจขื่อคาน ภาวนา 108 คาบ หลุดออกมาได้ถ้าจะให้เป็นเสน่ห์แก่สตรีเอาน้ำหอมมาเสก 108 คาบ เวลาจะไปหาให้เสก สามคาบ เจ็ดคาบแล้วทาตัวไปหาสตรีรักนักแลท่านให้ชื่อว่านารายณ์ถอดรูป

หัวใจ 108

สังวิทาปุกะยะปะ ชื่อพระธรรมเจ็ดคำภี

ทิมะสังอังขุ ชื่อ พระสูตร

อาปามะจุปะ ชื่อพระวินัย

วิระสะติ ชื่อวิปัสนา

อุปะสัมปะ ชื่อ อุลลุม

สะเนระเต ชื่อสมัย

อะระหัง ชื่อพระนิพพาน

อุทาสะติ ชื่อ พระรัตนะคุณ

มิติยาโน ชื่อแก้วแปดประการ

พุ ทะ จะ ติ ชื่อนิพพานสูตร

เสพุสสะเวตังอะเส ชื่อ เสฐฐัน

ทุสะมะนิ ชื่อปะถะมัง

พุท ธะ สัง มิ ชื่อ ไตรสรณาคา

อิสะวาสุ ชื่ออิติปิโส

จิปิเสคิ ชื่อปฏิสังขาโย

จิเจรุนิ ชื่อปะละมัตถ์

สะตะอุ อะ ชื่อ นะโม

สะหะชาตรี ชื่อตรีนิสิเห

ยะนิรัตตะนัง ชื่อยานี

วูภะกะสะ ชื่อ กรณีย์

นะมะจะ ชื่อสมาธิ

นะสะมิเห ชื่อ สัคเค

นะมะกะยะ ชื่อ กุสะละ

กะเมถะ ชื่อการก

สะทะสันนะ ชื่อ อิติปารมี

ทุสะนิมะชื่ออริยสัจจ์

สะระมะนะ ชื่อสรณาคม

ปะสิจะมิ ชื่อ คะเตสิก

มะอะอุ ชื่อปิฎกตรีเพชร

อิมะทิตะกะระสุ ชื่อมงกุฎพระเจ้า

สิริสะโต ชื่อสะมาส

สิ วา กุ ทัง ธะ นิทาน สะขิสาปิ ชื่อวิปัสสิท

นหิโสตัง ชื่อ ยะโตหัง

พามานาอุกะสะนะทุ ชื่อพาหุง

ทุสะนะโส ชื่อพระธรรมบทเปรต

กะจะยะสะชื่อ ทิยพมนต์

สิวังพุทังธัมชื่อ พระนิพาน

นะกะรังนะ ชื่อแก้วสามประการ

สะทุมะโต ชื่อสัมพุทเท สะทวิปิปะสะอุ

ชื่อสัมโพธบังค์ ผะเวเจเอหิ ชื่อบารมี 30ทัศ

ปะณะปะเญ ชื่อบุคคลบัญญัติ

นะการะตังถี ชื่อตะบะ

กะระสะติ ชื่อจังงัง

อะหังนุกา ชื่ออิทธิฤทธิ

อะหะนังติโกชื่อแคล้วคลาด

ถะกะจะนา ชื่อ ศิริมานน

สะยะสะปุยะอะปะ ชื่อเจ็ดตำนาน

นะระติ ชื่อมงคล

ภะยะนะยะ ชื่อภาณยักข์

นะชาลีติ ชื่อพระสีวะลี

พุโมยะโวนะโร ชื่อ พระพุทธคุณ

นะมะพุททังธัม ชื่อพระเจ้าห้าพระองค์

ภะคะวา ชื่อ พระ

ปะภะกะชื่อ พระศากยะมุลนี

ปะระกะทะ ชื่อพระกัสสปะ

นะมะกะตะ ชื่อ พระโกนาคม

สะระตะนะ ชื่อ พระเวสสันดร

นะปะกะตะ ชื่อพระเตมีใบ้

ปะภะยะหะ ชื่อ พระมหาชนก

วะกาเขจะ ชื่อ พระวิฑูณ

อะวะสัททะ ชื่อ พระสุวรรณสาม

ปะสะนะวะ ชื่อ พระโพธิสัตย์

ปะสิมิวา ชื่อ พระภูริทัต

ภะระยังยะ ชื่อ พระมาลัย

ปะสะอุอะ ชื่อ พระมโหสถ

นะระวาระ ชื่อพระศรีอาริยะ

ถัมภูมี ชื่อ พระราม

นะระกาลัง ชื่อ มนุษย์

จิตตังปุริโส ชื่อ ผู้ชาย

จิตตังภิกขิรินิเม ชื่อ ผู้หญิง

นะภาวะโต ชื่อ พระยามาร

สุนะโมโล ชื่อ ขุนแผน

อิสิวิระ ชื่อร้อยเอ็จ

กันหะเนหะ ชื่อโจร

อะระวิ ชื่อ พะยามิลิน

โลระโทรัง ชื่อคนพาล

สะอะนะกะโต ชื่อพระพาย

ยะตะมะอะ ชื่อหนุมาร

ยุวามะวา ชื่อ ลิงลม

กะละถานะ ชื่อ นกกาสัก

ยันตะนุภา ชื่อ พาลี

ภะหะวารา ชื่อ องค์คต

ตัปปะสิยัง ชื่อ งู ยุง

กิกุกุ ชื่อ พระยาไก่

อะหิสัปปะโร ชื่อ งู

อะงะสะ ชื่อ พระยานาค

อันตะภาโว ชื่อสัพพสัตว์

หันตะนุตา ชื่อ ถาลีย์

โลกะวิทู ชื่อ โลกทั้งสาม

กะขะมะนิ ชื่อ อาวุทธิ

กะขะชะนะ ชื่อ คงคาเดือด

สักขโย ชื่อ พระยาม้า

เตชะสะติ ชื่อ ไฟ

ละมะอะอุ ชื่อ ตรีเภ็จ

เมกะมะอุ ชื่อ นางพระธรณี

ภูตากะเก ชื่อ เกราะเพชร

วายุละภะ ชื่อ ลม

สิงหะชานัง ชื่อ ราชศีร

ปะฐะวียัง ชื่อ แผ่นดิน

ชะนะฉะญา ชื่อ ข้าวเปลือก

นุภานุเว ชื่อ ธน

ู อินะวัง ชื่อ กอขอ

ปะสิสะ ชื่ออาวุธพระเจ้า

วิเนสันติ ชื่อ คาบ

อะนิขิยิ ชื่อ ยันตุโพนโต

ร้อยแปด จบบริบูรณ์

กะระวิกะกะระวิโก ชื่อ นกการะเวก

สิงหะระชะสิงหะชานัง ชื่อ ราชสี

หะนุมานะนะหุนุหะ ชื่อ หนุมาร

วิงวังกังหะ ชื่อ ลิงลม

นึมึปึทึ ชื่อ คางคก

เหะหะเพะพะ ชื่อเสือสมิง

จิตตังอิถีโย ชื่อ ผู้หญิง

อิถีปาทเก ชื่อเกือกแก้ว

พระชินะปัญชรคาถา

ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจา สะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา ตัณหังกะราทะโย พุทธาอัฏฐะ วีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ โกณทัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุลา กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก เกสะโต ปฏิฐิภาคัสมิง สุริโยวะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปติฏฐาสิ คุณากะโร ปุณโณ อังคุลิมาโล จะอุปาลีนันทะสีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ติละกา มะมะ เสสาสิติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอตาสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุสัณฐิตา ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง ขันธะโมระปะริตตัญจะอาฏานาฏิยะสุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา ชินาณาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลังกะตา วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะหีตะเล สะทา ปาเลนตุ มังสัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโค สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโตจะรามิ ชินะปัญชะเรติ.

คาถาวันอาทิตย์ อะวิช สุ นุส สานุต ติ ชื่อพระคาถาพระนารายณ์ ใช้ทางเมตตามหานิยมก็ได้ สวดวันละ 6 จบ

คาถาวันจันทร์ อิ ระ ชา ตะ ตะ ระ สา ชื่อพระคาถากระทู้เจ็ดแบก ใช้ทางคงกะพัน สวดวันละ 15 จบ

คาถาวันอังคาร ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ชื่อคาถาฝนแสนห่า ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ 8 จบ

คาถาวันพุธกลางวัน ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท ชื่อคาถาพระนารายณ์เคลื่อนสมมุทร ใช้เสกปูน สูญผี สวดวันละ 17 จบ

คาถาวันพุทธกลางคืน คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ ชื่อคาถาพระนารายณ์พลิกแผ่นดิน ใช้แก้ความผิดต่างๆ สวดวันละ 12 จบ

คาถาวันพฤหัสบดี ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ชื่อคาถาพระนารายณ์ตรึงไตรภพใช้ทางเมตตา มหานิยม สวดวันละ 19 จบ

คาถาวันศุกร์ วา โธ โร อะ มะ มะ วา ชื่อคาถาพระพุทธเจ้าตวาดหิมพานต์ใช้ทางมหานิยม สวดวันละ 21 จบ

คาถาวันเสาร์ โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ ชื่อคาถาพระนารายณ์ถอดจักร ใช้ทางถอดจักร ใช้ทางถอดคุณไสยศาสตร์ สวดวันละ 10 จบ

พระคาถาประจำวันเกิด

คาถาวันอาทิตย์

อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หิริสสะวัณโณ ปะฐะ วิปะภาโส ตัง ตังมะมัสสามิ หะริสสะ วัณนัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสังเย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะ ธัมมัง เต เม นะโม เต จะมัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยานะโม วิมุต ตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสนาฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันอาทิตย์ของตน วันละ 6 จบทุกๆวันไป พร้อมด้วยบูชาพระประจำวันเกิดจะมีสิริมงคลยิ่งนัก

คาถาวันจันทร์

ยันทุนนิมติตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สุกะณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุนา เวนะ วินาสะเมนตุฯ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง ธัมมานุภาเวนะ วินา สะเมนตุฯ ยันทุน นิมิตตัง อะวะมังคะ ลัญจะ โยจามะนาโป สกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง สังฆานะภาเวนะ วินาสสะเมนตุฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันจันทร์ของตน วันละ 15 จบทุกๆ วันไป พร้อมด้วยบูชาพระประจำวันเกิดจะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก

คาถาวันอังคาร

ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสรนัง ยัมหิ เจวานุยญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต สุขัง สุปะติ สุตโตจะ ปาปัง กิญจิ นะปัสะติ เอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะฌามะ เหฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันอังคารของตน วันละ 8 จบ จะมีความสุข ปราศจากภูตผีปีศาจเบียดเบียน

คาถาวันพุธ

สัพพาสีวิสะชาตินัง ทิพพะมันตาคะ ทังวิยะยันนาเสติ วิสัง โฆรัง เสสัศจปิ ปะริสสะยัง อาฌักเขตตัมหิ สัมพัตถะ สัมพะทา สัมพะปาณินัง สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตรันตัมภะ ฌามะเหฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันพุทธ วันละ 17 จบ มีความสุขกาย สุขใจ รวยยศ เป็นเมตตามหานิยม

คาถาวันพฤหัสบดี

ปูเรณตัมโพธิสัมภาเร นิพัตตัง โมระโยนิยัง เยนะ สังวิหิตารักขัง มะหาสัตตัง วะเนจะราฯ จิรัสสัง วายะ-มัน ตาปิเนวะ สักขิงสุ คัณหิตุง พรัหมตัน ตันติ อักขาตัง ปะริตตัง ตัมภะฌามะเหฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันพฤหัสบดี วันละ 19 จบ จะได้เจริญรุ่งเรื่องยิ่งๆ ขึ้นไป

คาถาวันศุกร์

อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุ สัมมะเต อะมะนุสเสหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ ปะริสานัญจะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ คุตติยา ยันเทเสสิ มะหาวีโร ประริตตันตัมภะนามะ เหฯ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันศุกร์ของตนได้วันละ 21 จบ จะได้มีความสุขนำราญเนืองนิตย์ เจริญด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญเจริญสุขทุกๆ เมื่อ

คาถาวันเสาร์

ยะโตหัง ภะคินิ อะริยา ชาติยา ชาโต นาภิชา นามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชิวิตา โวโรเปตา เตนะ สัจะจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ภาวนาประจำวันเกิดวันเกิดวันเสาร์ วันละ 10 จบ จะมีความเจริญ วัฒนาถาวรยิ่งๆ ขึ้นไป

คาถาเงินล้าน

นาสังสิโม พรหมา จะ มะหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มะหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม มะหาปุญโญ มะหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งเพ็ง พาพา หาหา ฤาฤา

คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า

"อิติปิ โส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ (คาถานี้ถ้าไปเรียนและภาวนาทำให้เป็นฌานนิมิตต่าง ๆ จะแจ่มในคนที่ตาไม่ดีก็อ่านหนังสือออกได้และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามความประสงค์)

คาถาอภิญญารวม

"โสตัตตะภิญญา" (เวลาภาวนาให้กำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วก็ทิ้งนิมิตเสีย ไม่ต้องไปใช้นิมิตในกสิณ ใช้คาถาอย่างเดียว คือกำหนดลมหายใจเข้าออกให้ถึงที่สุดเป็นฌานสี่ เท่านี้ อภิญญาทุกอย่างก็จะรวมตัวเราใช้ได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องเลือกกสิณอะไรทั้งหมด)

คาถาพระนิพพานนิมิต

"นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา" (อ่านว่า นิพ-พา-นะ-จิต-ตา) (ให้ภาวนาถือพระนิพพานเป็นอารมณ์ อย่างนี้จิตจะมีการผูกพันพระนิพพานเป็นอารมณ์มากขึ้น แล้วก็กำลังใจจะไม่คลาดจากพระนิพพาน)

คาถาปราโมทย์

"ปราโมทย์" (โดยจับลมหายใจเข้าออกพร้อมคำภาวนาคาถาปราโมทย์ แล้วอะไรทุกอย่างจะชัดเจนแจ่มใส จะจำภาพเห็นภาพนิมิตทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยชัดเจนแจ่มใสเหมือนกลางวัน)

คาถาเมฆจิต

"พุทธัง เมฆนิมิตต์ จิตตัง มะอะอุ ธัมมัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อุอะมะ สังฆัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อะมะอุ"(ภาวนาไป ๆ แล้วกำหนดรู้ในสิ่งที่ต้องการจะรู้ ตอนภาวนากำหนดจิตให้เห็นภาพพระไปด้วยยิ่งดี ให้ถือเอาอารมณ์จิตรู้อารมณ์แรก ถ้าจิตดีขึ้นก็จะเห็นภาพ)

พระพุทธคาถา

"สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ" (ให้สวดทุกคืน ๆ ละ 7 จบ อานุภาพของพระคาถา ศัตรูจะพินาศเองเมื่อคิดประทุษร้าย จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการ จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพจักขุญาณและเรียนไปปรโลกได้ มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส)

คาถารวมจิต

"อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง" (ถ้าเวลาใดที่จิตเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมา ให้ทิ้งคำภาวนาอย่างอื่นเสียให้หมดกำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วว่าคาถานี้ตามสบาย ๆ กำลังของสมาธิจะรวมตัวได้รวดเร็ว)

คาถาเรียกจิตคน

"จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ" (ใช้สำหรับเทศน์ สำหรับอบรม สำหรับสนทนาทำให้ใจคนน้อมมาหา)

คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์
"สัมปจิตฉามิ" (ก่อนภาวนาให้ตั้งนะโม 3 จบ และต่อด้วยพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ และสวด อิติปิ โสฯ 3 จบ จึงภาวนาเรื่อย ๆ ไป ในขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบาย ๆ ผลของคาถาบทนี้ จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน)

คาถาป้องกันคุณไสย และกันยาพิษ ยาสั่ง

"เมสัมมุขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขา" (ท่านให้เสกของทุกอย่างที่จะกิน ท่านบอกไว้ในขณะที่วัดกำลังมีภัย ถ้าศัตรูทำคุณไสย เราว่าคาถานี้ คุณไสยนั้นจะย้อนกลับเข้าตัวผู้ทำ ถ้าทำเป็นตะกรุด ห้ามนำตะกรุดเข้าห้องคนคลอดบุตร ท่านห้ามทำแจกเด็ก ด้วยจะเป็นอันตรายกับเด็ก)

คาถากำบังตัว

"สัมปะติจฉามิ"

(คาถาบทนี้ใช้ประโยชน์หลายอย่าง และท่านเคยบอกให้ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน โดยกล่าวว่าถ้าตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก ให้ใช้คาถาบทนี้กำบังตัว จะทำให้ข้าศึกมองไม่เห็นตัวเรา ในเวลาที่จะผ่านแนวข้าศึกออกมา)

คาถากันไฟไหม้ ฟ้าผ่า กันนิวเคลียร์นิวตรอน

"โส นามะ ยักโข"

(เป็นคาถาของหลวงปู่ปาน ท่านให้บูชาไว้ทุกวัน ๆ ละ 3-5-7-9 จบ ทุกเช้าค่ำจะปลอดภัย จากไฟไหม้และฟ้าผ่า และกันนิวเคลียร์นิวตรอนได้ด้วย)

คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป

"พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ "พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคทั้งหลาย วินาศสันติ" (คาถาบทนี้ ท้าวเวสสุวัณมาให้ ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้ระลึกถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระพุทธกัสสปทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็นเจ้าของคาถานี้ บทในบรรทัดที่ 2 นี้รักษาโรคท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กินก็ได้ แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว) อีกบทหนึ่งของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน "ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ" ทั้ง 3 บทนี้ ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้ ท่านบอกว่าศัตรูจะพินาศไปเอง

พุทธคาถา

"มหาวิชโย โหหิ อสังวาโส" (ภาวนากันอันตรายทุกอย่าง ผู้คิดร้าย จะย่อยยับไปเอง เป็นมหามงคลทุกอย่าง)

คาถาพระเจ้า 16 พระองค์

"นะมะนะอะ นอกอนะอะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ" (เสกของขายภายในร้านด้วยคาถาพระเจ้า 16 พระองค์ โดยให้เจ้าของนำมาอย่างละชิ้น เสกไว้ภายในร้าน จะขายของดี)

คาถาสมเด็จประทาน

"มหาโคตมะ ปาทะเกหิ จะ อปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง" (เสกของต่างๆ ให้มนุษย์จะได้มีจิตเมตตาต่อกัน เสกอะไรก็ได้)

คาถาพระอินทร์

"สหัสสเนตโต เทวินโต ทิพพจักขุง วิโสทายิ" (คาถาบทนี้เหมาะสำหรับเด็กนักเรียน บอกว่าเวลาก่อนที่จะดูหนังสือ ให้ไหว้พระ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ นึกถึงบิดามารดา ความดีของท่าน นึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วนึกถึงพระอินทร์เจ้าของคาถา แล้วว่าสัก 1 จบ แล้วก็ดูหนังสือ เมื่อจะเลิกจากอ่านหนังสือก็ว่าสักอีก 1 จบ วันแรก ๆ ก็อาจจะจำไม่ได้ แต่วันต่อไปก็อาจจะคล่องตัวขึ้นมาเอง)

คาถาพระยายม

"นะโมพุทธายะ" (เป็นคาถาของท่านพระยายม คาถานี้รักษาโรคไม่หาย กันไม่ให้ตายก็ไม่ได้ แต่สามารถระงับทุกขเวทนาได้ ก่อนจะว่าให้จุดธูป 5 ดอก จุดเทียน 1 เล่ม มีดอกไม้ก็ใช้ได้ และนึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์เสียก่อน และพระยายมด้วย แล้วเป่าที่ศีรษะของผู้ป่วยค่อย ๆ เบา ๆ โดยนั่งทางด้านเหนือศีรษะของเขา นึกขอให้ทุกขเวทนาระงับไป)

คาถาท่านท้าวเวสสุวัณ

"พยัคฆา พยัคฆัง มานี่ให้หมด" (เป็นคาถาภาวนาให้คนมารวมกัน อธิษฐานเอาตามใจ ภาวนาเรียก เสกแป้ง สีผึ้งก็ได้)

คาถาปลุกพระของหลวงปู่ปาน

"อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะอะอุนี้ด้วยเถิด" คาถาป้องกันอันตราย "รูปพระพุทโธ โหหิ" (คาถาบทนี้ หลวงพ่อให้พระในพระอุโบสถ หลังจากทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว วิธีใช้คือให้ภาวนาคาถานี้เสกน้ำลายกลืนลงไปก่อนออกจากบ้าน ท่านกล่าวว่าแม้แต่ปืนก็ยิงไม่ออก)

คาถานวด "อิมัสมิงมาเล อิมังเต มาสัง วัสสัง อุเปมิ" (หลวงพ่อให้ที่บ้านสายลม ให้นึกถึงพระรัตนตรัย ก่อนว่าคาถา แล้วให้ภาวนาเรื่อยไปขณะนวด)

คาถาป้องกันไสยศาสตร์ (อีกบทหนึ่ง)

ฆะ สะ ชะ นะ อิ ติ ศัสตรู อย่า มา คะ ตา (พระเดชพระคุณหลวงพ่อ บอกแก่พระครูปลัดนิภัทร อคคธมโม ที่ตึกรับแขกปี 2530)

คาถาธุดงค์ (แผ่เมตตาให้เทวดา)

เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ

บทวิรูปักเข (แผ่ให้สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เช่น งู เป็นต้น)

วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง กัณหาโคตะมะเกหิจะ อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ เม จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง พะหุปะเทหิ เม มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ ทิปาทะโก มา มัง จะตุปปะโท หิงสิ มา มัง หิงสิ พะหุปปะโท สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ ภูตา จะ เกวะลา สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ ปาปะมาคะมา อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ ปะมาณะวันตานิ สิริสะปานิ อะหิ วิจฉิกา สะตะปะที อุณณานาภี สะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานังติฯ คาถาบารมี 30 ทิศ อิติ ปาระมิตตา ติงสา อิติ สัพพัญญูมาคะตา อิติ โพธิมนุปปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม (เวลาปักกลดให้ว่าคาถาเรื่อยไป)

คาถาตวาดป่าหิมพานต์

"ภะสัมสัม วิสะเทภะ" (เวลาปักกลดเสร็จแล้วจะตอกหลักขึงสายอัพโภกาส ให้ภาวนาคาพานี้เรื่อยไป) (จากหนังสือพ่อรักลูก1)

การบรวงสรวง การบรวงสรวงเป็นการเชิญเทวดาทั้งหมด อาราธราพระ แม้แต่บารมีของพระพุทธเจ้าลงมาทั้งหมด และพรหมทั้งหมด การบรวงสรวงแบบนี้ถ้าเป็นลูกหลานยังไม่สามารถจะเห็นบุคคลผู้มาได้ ก่อนที่จะฟังเสียงของฉัน จุดธูป จุดเทียนแล้วก็เปิดเครื่องได้ยินเสียงบรวงสรวงหรือชุมนุมเทวดาแล้วก็จงคิดว่าพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี ทั้งหมดที่ฉันเชิญมาเวลาบันทึกเสียงนี้ มีกี่องค์ก็ตาม พวกเธอทั้งหลายแสดงความนอบน้อมว่า ข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพในทุกท่าน แล้วก็ขอทุกท่านจงสงเคราะห์ให้จิตใจของพวกเราทั้งหมดตกอยู่ในสัมมาทิฏฐิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี มีธรรมใดที่ท่านเห็นแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเห็น ธรรมนั้นด้วยเถิด แล้วขอให้คุ้มครองอะไรบ้างก็ว่ากันไปตามใจ แต่อย่าไปเกณฑ์ให้ท่านเล่นหวยเล่นการพนันหรือไปลักไปปล้นกัน ท่านไม่เอาด้วย เท่านี้ก็เกิดความสุข ท่านจะช่วยได้ตามความสามารถหรือที่เรียกว่าไม่เกินอำนาจของกรรม นี้ว่ากันถึงเรื่องบรวงสรวงนะมันดียังไง เครื่องบรวงสรง เครื่องบรวงสรวงแบบครบถ้วน ซึ่งใช้กับ วัด สถานที่ราชการ บริษัทห้างร้าน โรงงานหรือบ้านที่มีฐานะพอทำได้ หลวงพ่อท่านแนะนำไว้ดังนี้

1. บายศรี (ทำเป็นชั้นๆ ต้องไม่น้อยกว่า1ชั้น)

2. ไก่ 1 ตัว (วางไว้ทิศเหนือของโต๊ะ)

3.หมู 3 หัว (วางไว้ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ อย่าวางผิดทิศนะ ถ้าวาง ผิดทิศต้องมีเรื่องแน่)

4. ขนมต้มแดง และขนมต้มขาว

5.ข้าวปากหม้อ, ไข่ลูกยอด (ไข่ใส่ยอดบายศรี)

6. กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี

7. มะพร้าวอ่อน

8.ถั่วราชมาส (ถั่วเขียวคั่ว)

9. ถ้าเป็นบ้านก็ควรจะมี ปลาแป็ะซะอีก 1 ตัว เพื่อพระภูมิเจ้าที่ ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา มีฐานะพอสมควรตั้งแต่จนถึงปานกลางนะ ใช้หมูชิ้นหนึ่ง แต่ชิ้นหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าครึ่งกิโล อย่าลืมนะต้องมีปลาแป๊ะซะอีกตัวนะ เพื่อพระภูมิเจ้าที่ เพราะพิธีตั้งเป็นเรื่องท่านท้าวมหาราชท่าน ผู้ถาม: ทีนี้มีคำถามต่อไปว่า เวลาทำพิธี จะยืนหันทั้ง 4 ทิศ ก็ไม่สะดวก ก็หันไปทางทิศตะวันออกทอศเดียว แต่ว่าทั้ง 4 ท่าน เหมารวบยอดเลย จะมาครบไหมเจ้าค่ะ....? หลวงพ่อ: ได้ๆ ไม่เป็นไร ตามที่เดินรอบๆ ไป นั่นทำตามพิธีกรรม บางทีก็ไม่เชื่อ เคนถามหลวงพ่อปานว่ามีความจำเป็นไหม... ท่านบอกว่า ไม่จำเป็น แต่เป็นพิธีกรรม ฉันก็เคยหันหน้าทิศเดียว ถ้ามีความจำเป็นนะ (จากหนังสือพุทธพยากรณ์ )

พระคาถาชินบัญชร

เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้นก่อนเจริญภาวนาพระคาถาชินบัญชร

ตั้งนะโม 3 จบก่อน แล้วระลึกถึง สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตัง สุตตะวา อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะระสะภา ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฎฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฎฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา สีเส ปะติฎฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน สังโฆ ปะติฎฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฎฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามโสตะเก เกสะโต ปิฎฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน โสภีโต มุนิ ปุงคะโว กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฎฐาสี คุณากะโร ปุณโณ อังคุลิมาโรจะ อุปาลี นันทะสีวะลี เถรา ปัญจะอิเมชาตา นะลาเฎ ติละกา มะมะ เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสาชะลันตา สีละ เตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุต ตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฎานาฎิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา ชินา นานา วะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลัง กะตา วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะหีตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสา สะภา อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะ รามิชินะปัญชะเรติ.

คำแปลพระคาถาชินบัญชร

พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราช ผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ มี 28 พระองค์ คือพระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นอาทิพระพุทธเจ้าจอมมุนีทั้งหมดนั้นข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณ อยู่ที่อก พระทนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย มุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ ดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหนาและข้างหลังพระเถระกุมาระกัสสะปะผู้เสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และ พระสีวะลี พระเถระทั้ง 5 นี้ จงปรากฎเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง พระขันธปริตร พระโมรปริตรและพระอาฎานาฎิยสูตรเป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลายนอกที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือ สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัย อยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรค อุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฎฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล ข้าพระพุทธเจ้า ได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวะอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฎิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดร เทอญ. อานุภาพแห่งพระคาถา ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถาชินบัญชร เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอจะเกิดความเป็นสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ากล้ำกราย ไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูนทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริตแก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" จะเดินทางไปที่ใดๆ สวด 10 จบแล้วอธิษฐานจะสำเร็จสมดังใจ. อานิสงส์พระคาถาชินบัญชร พระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ตกทอดมาจากลังกา เจ้าประคุณสมเด็จฯ ค้นพบในคัมภีร์โบราณ ได้ดัดแปลงแก้ไขแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ได้เนื้อถ้อยกระทง ความสมบูรณ์ แปลออกมาแล้วมีแต่สิ่งสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนาทุกประการ พระคาถานี้ เป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าที่ได้เคยตรัสรู้มาก่อนหน้านั้น จากนั้นเป็นการอัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพอันสำเร็จ คุณธรรมวิเศษแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน นอกนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆ อันโบราณาจารย์เจ้าถือว่า เป็นพระพุทธมนต์อันวิเศษแต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงแก้วคุ้มกัน ตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนกระทั่ง หาช่องว่างให้อันตรายสอดแทรกเข้ามามิได้.

พระคาถาพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕)

ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ (ว่า ๓ หน) พระสยามมินทร์โธ วะโรอิติ พุทธะ สังมิ อิติอะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโมพุทธายะ วิธีการและขั้นตอนการบูชาเสด็จพ่อ ร.๕ วิธีการ ควรบูชาทุกวันอังคาร (วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระองค์) และ วันพฤหัสบดี(วันครู) สิ่งที่ท่านโปรด คือ น้ำมะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า ทองหยิบ ทองหยอด บรั่นดี ซิการ์ ข้างคลุกกะปิ และดอกกุหลาบสีชมพู ขั้นตอน มาถวามครั้งแรก จุดธูป 16 ดอก ครั้งต่อไป 9 ดอก ว่าคาถาดังนี้ พระคาถา ร. ๕ (ใช้บูชาพระปิยะมหาราช นะโม 3 จบ) อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธธะ ปิติอิ (นะโม 3 จบ ใช้อธิษฐาน) ปิยะ มะมะ นะโม พุทธธายะ อธิษฐานขอพรพระบารมีท่าน สิ่งที่ต้องการจากท่าน อย่าบนบาลศาลกล่าว มห้ตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาสิ่งใดให้ขอจากท่าน ขอให้สำเร็จทุกประการ จงทำบุญ ทำทานไว้ จะทำให้จิตใจสบายตลอดไปเทอญ.

พระคาถา ร.๕ (นะโม ๓ จบ)

สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสภา สัตตุ จะปัททะวา อเนกา อันตะรายาปี วินัสสันตุ อะเสสะโต ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิภาคะยัง สุขัง พะลัง สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒิ จะ ยะสะวา สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะสิทธิ ภะวันตุ เม

พระคาถาบูชา

เสด็จพ่อ ร.๕ ธูป ๙ ดอก ตั้งนะโม ๓จบ พระสยามิน ทะโร วะโร อัตตัง พุทธะสังมิ อิติ อรหัง วะรังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปิโยเทวา มุสานัง ปิโย พรหมานะ มุตตะโม ปินัน ทริยัง นะมามิหัง สุมงคลคาถา ( ปัจฉิมคาถา ) โหตุ สพพ สุมงคล รกขนตุ สพพเทวตา , สพพพุทธานุภาเวน โสตถี โหนตุ นิรันตร. โหตุ สพพ สุมงคล รกขนตุ สพพเทวตา , สพพธัมมานุภาเวน โสตถี โหนตุ นิรันตร. โหตุ สพพ สุมงคล รกขนตุ สพพเทวตา , สพพสงฆานุภาเวน โสตถี โหนตุ นิรันตร. คำแปล ขอศุภมงคงทั้งสิ้นจงมี ขอเทพทั้งปวงจงรักษา ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหมด ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีเสมอ ไม่มีระหว่าง. ขอศุภมงคงทั้งสิ้นจงมี ขอเทพทั้งปวงจงรักษา ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งหมด ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีเสมอ ไม่มีระหว่าง. ขอศุภมงคงทั้งสิ้นจงมี ขอเทพทั้งปวงจงรักษา ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งหมด ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีเสมอ ไม่มีระหว่าง. คาถาบูชาพระราหู ราหุเทว นโม ตยตถุ ครุฬพาหนยายิโน โย โส ราหุมหาเทโว ก สาภรณภูสิโต สห โส ปริวาเรน อิธาคจฉตุ มณฑเล ทสสนีเย มนุญญมหิ เทวารเห สุสชชิเต ทีปธูเป จ ปุปผานิ เทวาภิมานเน อิเม มานุส ขชชโภชชญจ เทวส เวสน อิม สาธุ โน ราหุเทโว โส ปฏิคคณหาตุ สาธุก ย ยญจ กุสล กมม สญจิต โน ยถาพล ตสมิมปิ ปุญญพีชมหิ ปตติโก อนุโมทตุ อิจเจว ราหุเทโว โส ธมมามิเสหิ มานิโน สมมา ต อนุปาเลตุ อาโรเคยน สุเขน จ อิมาย เทวปูชาย อมห ขมนตุ เทวตา เทวาภิราธนตถาย พลิสกการวาหสา (ชื่อ ภาษาบาลี) เมตต กโรนตุ เทวตา ราหุเทวานุภาเวน สพพโสตถี ภวนตุ เต ฯ คำแปล ราหุเทว ข้าแต่พระราหูมหิทธิเทเวศ อดุลเดชพรรณพิจิตร์ ทองสัมฤทธิ์สีสกล งามโสภณพัสตราภรณ์กังสบวรเทียบเทียมสี ทรงเมฆีเป็นทิพย์อาสน์ ข้าอภิวาทคำนับพระองค์ ทั้งจำนงเทพบริพาร เชิญมาสถิตในสถานมณฑล อันโสภณไพโรจน์ ชวลิตโชติชูหฤทัย ข้าตั้งใจบรรจงจัด จำรูญรัตน์พรรณพิเศษ เชิญอมรเทเวศเสด็จมา รับเครื่องวรามิษบำบวง สังเวยสรวงเทว สักการ นานา วิธานธุปประทีป เรียบก้านกลีบมาลาร้อย ระย้าย้อยพุ่มพะนม น่าพึ่งชมตรูตา ภักษ์โภชชาของมนุษย์ อันบริสุทธิอุดมเลิศ ข้าบรรเจิดบรรจงถวาย อเนกหลายหลากล้ำ เทพนั้นซ้ำเชิญบริรักษ์ พิทักษ์ (ออกนาม ) นั้น ให้เปลื้องปราศจากโรค นฤโศกเกษมสุข นฤทุกข์ปราศจากภัย กุศลใดยิ่งยง แด่ (ออกนาม ) นั้นบำเพ็ญ เป็นบุญญภาคย์พูนผล จงเปรมกมลรับส่วนบุญญ์ สุนทรธรรมพลี บรรดามีเหล่านั้น หฤทัยมั่นรับโมทนา องค์พระราหูเทวราช ข้าอภิวาทคำนับน้อม บูชาพร้อมธรรมามิษ จงมีจิตต์กรุณา เชิญรักษา ( ออกนาม ) นั้น ให้เปลื้องปราศจากโรคไร้เกษมสุขขออย่าได้ เดือดร้อนอารมณ์ราญ. คาถาขอฝน สมพุทธมุตตมมุฬารมหนตญาณ , สตตุตตม ทสพลกรุราธิวาส , สกการภาชนมงคณาน , สทธาณเตนสตต สิรสา นมามิ วีร วิสารทมปารคุณมพุราสี ม ธีรนธโรปมธิตี ถิรธมมการ , ปารงคต ภวภยากรสาครสส , สารญขเนสุ สุคตสิรสา นมามิ โลเกกจกขุมตุลามลปญจจกขุ , โลเกกสารมชรามรธมมสาร , โลเกกพนธุมรวินทุสหายพนธุ , โลเกกจารุติลก สิรสา นมามิ วีโตปมานมปมาณมนาถนาถ , สุทธ สุสุทธนยน นยนาภิราม , สสารจกกมถน วรธมมจกก , จกกงกิโตรุจรณ สิรสา นมามิ เนกขมมมนตพลวาริตราคยกข , เมตตมพุสา สมิตโกรธมหาหุตาส , ปญญาปทีปหตโมหมหนธการ , โลกตถจารุปฏร สิรสา นมามิ มหาการุณิโก นาโถ หินาย สพพปาณิน , ปูเรตวาเทโว วสสตุ กาลโต. มหาการุณิโก นาโถ สุขาย สพพปาณิน , ปูเรตวา ปารมี สพพา ปตโต สมโพธิมุตตม ,เอเตน สจจวชเชน เทโว วสสตุ ฐานโส. สุภูโต จ มหาเถโร มหากาโย มโหทโร , นีลวณโณ มหาเตโช ปวสสนตุ วลาหกา. ฉนนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา วสส เทว ยถาสุข. จิตต เมสุสมาติต วิมุตตต อาตาปี วิหรามิ วสส เทวาติ. อนุสสริตวา สต ธมม ปรมตถ วิจินตย , อกาสี สจจกริย ยโลเก ธุวสสสต . ยโต สรามิ อตตาน ยโต ปตโตสมิ วิญญุต , นาภิชานามิ สญจิจจ เอกปาณมปิ หีสิตา. เอเตน สจจวชเชน ปชุนโน อภิวสสิย. ถล นินนญจ ปูเรนโต ขเณนอภิวสสิย , เอวรูป สจจเสชพลสสิโต , สจเจน เม สโม นตถิ เอสาเม สจจปารมีติ สทธมมราชมปราชิตธมมเสน , สทธมมเตชหตมารสุโฆรเสน , สทธมมเทสนมโนหรเภริโฆส , สทธมม สารมกุฏ สิรสา นมามิ ยุตต คุเณสิ สกเลหิ สุนิมมเลหิ , โทเสหิ มุตตม ขิเลหิ สวาสเนหิ , พยามปปภาขจิตภาสุรลกขณาภา มาโลปโสภิตตนุ สิรสา นมามิ ปญญาทิวาวินิคคตเทสนาภา , นิทธุตตสพพปรวาทฆนนธการ , การุญญวารินนิวาริตโลกตาป , ทุกขคคิชาลวิสร สิรสา นมามิ เญยยยญชน สกลเมว ปริคคหีต , ชาตาหิ ญาณกรุณาหิมหาชวาหิ , โลกสส ทุกขมวธุยย สุขปปทายี โลกคคนาถมตุล สิรสา นมามิ พยามปปภาวลยจารุสุรินทจาป ,อุณณารุร สิวิสรุชชลวิชชุชาล , ธมมมพุวุฏฐิชนิต มิตสาธุสสส , สพพญญุเมฆมนฆ สิรสา นมามิ. ปาโปปตาปนปรนนปรนตปนต , อจจนตสนตชนนชนน ชนคค , สมภคคสพพปปก สรณญชนาน , สพพาภิภุ ทสพล สิรสา นมามิ. สุคตมมิตพุทธี โลกนาถ นมิตวา , กุสลมุปจิต ยนเตนเตชสสเทน , วิลยมุปนยนตโรคทุพภิกขทุกขา , วิปุลสลิลธารา วสสิโน โหนตุ เมฆา. คำแปลคาถาขอฝน ข้าพเจ้าขอนมัสการเนืองๆ ด้วยเศียรเกล้า อันน้อมไปด้วยความเชื่อ ซึ่งพระทศพลสัมพุทธเจ้า ผู้อุดมเลิศ ทรงมีพระญาณหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นผู้สูงสุดในหมู่สัตว์ ทรงทนธารด้วยพระกรุณา เป็นที่รองรับสักการะ ไม่เป็นภาชนะแห่งกิเลสเครื่องยั่วยวน ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระสุคตเจ้าผู้แกล้วกล้า ผู้ทรงมีพระคุณไม่มีเขตคั่น ดังน่านน้ำ ทรงเป็นนักปราชญ์ผู้ปรีชา เปรียบด้วยแผ่นดิน ทรงมีพระธรรมกายมั่นคง ทรงถึงฝั่งแห่งสาคร อันเป็นแดนเกิดแห่งภัยคือภพ ทรงเป็นผู้ประเสริฐในหมู่ชน. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงมีพระจักษุ 5 ดวง กระจ่างหาที่เปรียบมิได้ ซึ่งเป็นดวงตาอันเอกในโลก ทรงมีธรรมอันไม่แก่ไม่ตายเป็นแก่นสาร ซึ่งเป็นแก่น อันเอกในโลก ทรงเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์อันเอกในโลก ทรงเป็นผู้สูงเด่น ทรงเป็นเอกในโลก ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงปราศจากเหตุที่ควรดูหมิ่น , ทรงเป็น ที่พึ่งของผู้อนาถาไม่มีประมาณ ผู้หมดจด , ทรงมีพระเนตรอันหมดจดดีเป็นที่น่าอภิรมแห่งนัยน์ตา , ทรงมีพระธรรมจักรเป็นเครื่องย่ำยีสงสารจักร ทรงมีพระอุรุสำหรับเที่ยวไปกำหนดด้วยจักร. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้า ผู้ทรงมียักษ์ คือ ความกำหนัดอันพระองค์ทรงห้ามเสียแล้ว ด้วยกำลังแห่งมนต์ คือ เนกขัมมะ ผู้มีไฟกองใหญ่ คือ ความโกรธ อันดับแล้วด้วยน้ำ คือ พระเมตตา ทรงมีความมืดมนใหญ่หลวง คือ โมหะ อันขจัดแล้ว ด้วยประทีป คือ พระปัญญา ทรงเป็นดุจกองทอง อันเป็นประโยชน์แก่โลก. ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดมแล้ว , ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฤดูกาล. พระบรมโลกนาถทรงมีพระกรุณาใหญ่ ทรงยังพระบารมีทั้งสิ้นให้เต็มแล้ว , เพื่อความเกื้อกูล แก่สัตว์ทั้งปวง ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว , ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฐานะ.อนึ่ง พระมหาเถระชื่อสุภูต มีกายล่ำสัน มีท้องพลุ้ย , มีผิวดังนิล มีเดชมาก ด้วยเดชแห่ง พระมหาเถระนั้น พลาหกเทพบุตรทั้งหลายจงให้ฝนตกลงเถิด. กุฏิทั้งหลายของเรามุงบังแล้ว อยู่สบาย กันลมได้ , ดูก่อนเทพบุตร ท่านจงให้ฝนตกตามสบายเถิด. จิตของเราตั้งมั่นดีพ้นแล้ว. เรามีความพากเพียร อยู่ ขอท่านจงให้ฝนตกเถิดเทพบุตรดังนี้. เราตามระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ แล้วคิดค้นอยู่ซึ่งอรรถอันยิ่ง , ได้ทำสัจจกริยาใด เป็นธรรมมั่นคงยั่งยืนในโลก. เมื่อใดเราระลึงถึงตนได้ เมื่อใดเราถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา , เมื่อนั้นเรารู้ตัวอยู่ไม่ได้แกล้งเบียดเบียนสัตว์แม้แต่ตัวเดียว. ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอมหาเมฆจงให้ฝน ตกเถิด , ดูก่อนปชุนนเทพบุตร ท่านจงคำรามให้ฝนตกยังขุมทรัพย์ของกาให้ฉิบหาย. ท่านจงรุกรานกาเสีย ด้วยความโศก , เมื่อความสัตย์อันประเสริฐเราได้ทำแล้ว ฝนได้ตกลงพร้อมสัจจกริยานั้น. ตกพักเดียว ทำที่ดอนและที่ลุ่มให้เต็ม , เราอาศัยเดชและกำลังแห่งสัจจะ แล้วทำสัจจกริยาเห็นปานนี้ และความเพียรอันอุดม. ได้ยังมหาเมฆให้หลั่งฝนลงแล้ว , สิ่งที่เสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้เป็นสัจจบารมีของเราดังนี้แล้ว. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงเป็นสัทธรรมราชา ทรงมีธรรมเสนา อันไม่พ่ายแพ้ ทรงผจญมารและเสนามารผู้เหี้ยมหาญ ด้วยเดชแห่งพระสัทธรรม มีพระสัทธรรมเทศนา อันกึกก้องดุจเภรีที่จูงใจ มีพระสัทธรรมอันอุดมเป็นมกุฏ. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ประกอบด้วยพระคุณทั้งสิ้น ปราศจาก มลทินพ้นโทษทั้งมวลกับทั้งวาสนา มพระกายงดงามด้วยระเบียบรัศมี มีลักษณะอันรุ่งเรือง ซึ่งประดับไปด้วยรัศมีข้างละวา. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำจัดปรวาท อันทำความมืดคลุ้ม ทั้งปวงด้วยแสง คือเทศนาที่พร่าออกจากดวงอาทิตย์ คือ ปัญญา มีกลุ่มแห่งเปลวไฟ คือ ทุกข์ ซึ่งแผดเผาโลกอันพระองค์ป้องกันไว้ด้วยน้ำ คือ พระการูญ. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำหนดชนที่ควรตรัสรู้ทั้งสิ้น , ด้วยพระญาณและพระกรุณาที่เกิดขึ้นอย่างว่องไว ผู้ทรงบำบัดทุกข์แล้วประทานสุขแก่สัตว์โลก หาผู้เปรียบปานมิได้ในโลก. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงวลัย คือ พระรัศมีข้างละวา อันงามดุจแล่งศรของจอมสุรโยธิน มีช่อแห่งพระรัศมีที่พระอุณาโลม อันรุ่งเรืองดุจประกายฟ้าแลบ ทรงยังน้ำฝน คือธรรมให้เกิดมีข้าวกล้า คือความดีอันทรงนับแล้ว มีเมฆ คือ พระสัพพัญญูอันหาค่ามิได้. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระทศพลเจ้าผู้มีอันยังบาปให้เร่าร้อนเป็นเบื้องหน้า ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน มีความเกิดอันระงับโดยส่วนเดียว ผู้เป็นชนกแห่งสังฆรัตนะเป็นยอดของชน ทรงขจัดโทษเศร้าหมองทั้งปวงเสีย เป็นสรณะของชนทั้งหลาย เป็นใหญ่ในธรรมทั้งปวง. กุศลอันใด ที่ข้าพเจ้านมัสการพระสุคตโลกนาถเจ้าผู้ทรงมีพระปัญญานับไม่ได้ สร้าง สมไว้แล้วด้วยเดชอันกล้าแข็งแห่งกุศลนั้น ของโรคทุพภิกขภัย และทุกข์ทั้งหลายจงถึงความพินาศไป ขอเมฆอันมีสลิลธาราอันไพบูลย์จงยังให้ฝนตกลงเถิด.

คาถาเมตตามหานิยม

พุทธังเมตตา นะ ชาลีติ ธัมมังเมตตา นะ ชาลีติ สังคังเมตตานะ ชาลีติ สีวลีเมตตา นะ ชาลีติ โอมมะพะลัง วา ราชะกุมาโร วา ราชะ กุมารี วา ราชา วา ราชินี วา คะหัฏโฐ วา ปัพพะ ชิโต วา สะมะโณ วา พราหมโณ วา อิตถี วา ปุริโส วา วาณิโช วา วาณิชา วา อุปสะโก วา อุปาสิกา วา ทาระโก วา ทาริกา วา สัพเพ อิเม ชะนา พะหู ชะนา มัง ปิยายันตุ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิ จิตตัง ปิยัง มะมะ มะหาลาภะ สักการา ภะวันตุเม. คาถาบทนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "คาถาพระสีวะลี" โดยมากแล้วครูบาอาจารย์จะหวงวิชาเพราะเป็นคาถาที่ทรง อานุภาพสูงทางเมตตา หมั่นภาวนาจะเกิดลาภผลมหาศาล

คาถาผูกใจ

พระพุทธังร่วมจิต พระธัมมังร่วมจิต พระสังฆังหลงใหล ร่วมใจพระพุทโธ นะโมพุทธายะ. เมื่อทำมาค้าขายประกอบกิจการงานใด ภาวนาคาถาบทนี้ มักได้รับการร่วมมือช่วยเหลือจากทุกฝ่าย

คาถาค้าขายดี

พุทธัง พะหุชะนานัง เอหิจิตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา ชมภูทีเป มนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธังเอหิ. พ่อค้าแม่ค้าพาณิชย์นิยมเสกเป่า ๓ จบ ๗ จบ ทำนํามนต์ล้างหน้าและประพรมสินค้าขายของดีนักแล (อธิษฐานและใส่บาตรทุกวันตามศัทธาจะบังเกิดโชคลาภ)

คาถาทำนํามนต์ขายของดี

พุทธะสังมิ สังสิโมนา ธัมมะสังมิ โมนาสังสิ สังฆะสังมิ สิโมนาสัง พระคาถาบทนี้ใช้ประพรมของและแต่งตัวเอง ขายของดีนักแล.

คำอธิษฐาน คำถวายทานต่างๆ (ตั้งนะโมก่อน 3 ครั้ง)

คำอธิษฐานเวลาทำบุญ สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขยาวะหัง โหตุ ขอทานที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้วนี้ จงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้า หมดความเศร้าหมองใจเถิด คำถวายข้าวพระพุทธ อิมัง สูปะ พยัญชะนะ สัมปันนัง สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิฯ ข้าพเจ้าขอบูชาด้วยโภชนะข้างสาลี พร้อมด้วยแกงกับและน้ำอันประเสริฐนี้แด่พระพุทธเจ้า คำลาข้าวพระพุทธ เสสัง มังคะลัง ยาจามิฯ ข้าพเจ้าขอคืนเศษอันเป็นมงคลนี้ ข้าพเจ้าขอภัตต์ที่เหลือท่เป็นมงคลด้วยเถิด

คำถวายข้าวใส่บาตร (ยกขันข้าวขึ้นจบ ตั้ง นะโม สามจบ) อหัง ภันเต โภชนานัง สาลีนัง ปริสุทธัง พุทธะสาวก สังฆัง ปิณฑะปาตัง โส โหตุฯ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าวสาลีอันบริสุทธิ์นั้น จงสำเร็จแก่พระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้านั้นเถิดฯ

คำถวายของใส่บาตร อิทัง ทานัง สิระวันตานัง ภิกขูนัง นิยาเทมิ สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง นิพานะปัจจะโย โหตุ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายท่านอันนี้ แด่พระสงฆ์ผู้มีศีลทั้งหลาย ทานที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้วนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ถึง พระนิพพานด้วยเทอญ

คำถวายสังฆทาน อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวาย ซึ่งภัตตาหาร กับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์ จงรับซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้า ทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ คำกรวดน้ำ อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตาโหนตุ ญาตะโย คำแปล ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุขกายสุขใจเถิด คำอาราธนาศีล 5 มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ทุดิยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ คำแปล ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีล 5 ข้อ พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อประโยชน์แก่การ จะรักษาต่างๆกัน

คำถวายเครื่องสังเวยพระภูมิ ภุมมัสมิง ทิสาภาเค สันติเทวา มะหิทธิกา เตปิอัมเห อนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะ จะสูปะพยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วรัญจะ ปริภุญชันตุ เทวะตา ชะยะมังคะลานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ เม. คำหลั่งน้ำถวายพระภูมิ อะยัง ภูมิปะเทโส วิสุงคาโม สุขี โหตุ ขอภูมิประเทศ ส่วนแห่งบ้านนี้ จงมีความสุขฯ

คำถวายกรรม นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
( 3 จบ )

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า ขอถึงพระธรรมเจ้า ขอถึงพระสังฆเจ้า ว่าป็นที่พึ่ง ที่ระลึก แม้ครั้งที่หนึ่ง (ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม) ทุติยัมปิพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ตติยัมปิพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ พุทธบูชา มหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มหาปัญโญ สังฆบูชา มหาโภควาโห ติโลกะนาถัง อภิปูชยันติ พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ปฏิปฏิบูชายะ สาธุ สาธุ สาธุ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ พุทธรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ ธัมมะรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ สังฆะรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ บิดามารดานะรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ ครูบาอาจารย์นะรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ โยโทโส โมหะ จิตเตนะ เจ้ากรรมนายเวรนะรัสมิง ปาปะกะโต มะยาขะมะถะเม กะตังโทสัง สัพพปาปัง วินาสันติ กายกรรมสาม วจีกรรมสี่ มโนธรรมสาม ที่ข้าพเจ้าด้สบประมาทพลาดพลั้ง ต่อหน้าและลับหลังก็ดี ที่ควรก็ดีที่มิควรก็ดี ต่อคุณพระพุทธ ต่อคุณพระธรรม ต่อคุณพระสงฆ์ ต่อคุณบิดามารดา ต่อครูบาอาจารย์ ต่อเจ้าเวรนายกรรม บาปกรรมทำาเวรมาแต่ชาติปางก่อน ถึงชาติปัจจุบัน เพราะข้าพเจ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยู่ในอวิชชา บัดนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าทำบาปได้บาปจริง ทำบุญได้บุญจริง ทำชั่วได้ชั่วจริง ฉนั้น ข้าพเจ้าจึงมาถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา คุณครูบาอาจารณ์ เจ้ากรรมนายเวร จงมายกโทษ จงมาอดโทษ ให้ข้าพเจ้า หายบาปหายกรรม หายเวร เจ็บหลัง เจ็บเอว ปวดหัว เสียดท้อง ปวดทั่วสรรพางค์กาย เสียวทั่วสรรพางค์กาย............. ข้าพเจ้าขอมอบถวายต่อคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ต่อองค์พระอัญญา โกนทัญญะ องค์พระโมกคลา องค์พระสารีบุตร องค์พระวิสุทธิเทพ องค์พระมหาเทพ องค์ปฐมกำเนิด องค์พ่อปู่ฤาษีสุเทวะ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทุกพระองค์ ข้าพเจ้าจะถือบริกรรมอยู่แล้วให้หายขาด ตลอดอวสาน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสาธุการ ให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญ นะโม ตัสสะ ตัดกรรม ตัดเวร ( 3 ครั้ง ) สุทินนังวะ ทตะเมทานัง กรรมเวรอาสสสวะ ขะยานัง นิพพานนัง โหนตุ (ทุติยัมปิ , ตะติยัมปิ) ชุมนุมเทวดา สรช.ช สเสน สพนธุ นรินท , ปริตตานุภาโว สทารกขตูติ , ผริตวาน เมตต สเมตตา ภทนตา , อวิกขิตตจิตตา ปริตต ภณนต. ( สมนตา จกกวาเฬสุ อตราคจฉนตุ เทวตา , สทธมมมุนิราชสส สุณนตุ สคคโมกขท. ) สคเค กาเม จ รูเป คิริสิขรตเฏ จนตลิกเข วิมาเน , ทีเป รฏเฐ จ คาเม ตรุวนคหเน เคหวตถุมหิ เขตเต , ภุมมาจายนตุเทวา ชลถลวิสเม ยกขคนธพพนาคา , ติฏฐนตาสนติเก ยมุนิวรวจน สาธโว เม สุณนตุ. ธมมสสวนกาโล อยมภทนตา , ธมมสสวนกาโล อยมภทนตา , ธมมสสวนกาโล อยมภทนตา. คำแปลชุมนุมเทวดา ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ผู้มีเมตตา จงแผ่ไมตรีจิต ด้วยคิดว่า ขออานุภาพพระปริตรจงรักษาพระราชา ผู้เป็นเจ้าแห่งนรชน พร้อมด้วยราชสมบัติ พร้อมด้วยพระราชวงศ์ พร้อมด้วยเสนามาตย์ แล้วอย่ามีจิตฟุ้งซ่าน ตั้งใจสวดพระปริตร ขอเชิญเหล่าเทพเจ้า ซึ่งสภิตอยู่ในสวรรค์ชั้นกามภพก็ดี รูปภพก็ดี และภุมมเทวดา ซึ่งสถิตอยู่ในวิมาน หรือยอดภูเขา และหุบผา ในอากาศ ในเกาะ ในแว่นแคว้น ในบ้าน ในต้นพฤกษา และป่าชัฎ ในเรือนและในไร่นาก็ดีและยักษ์คนธรรพ์นาค ซึ่งสถิตยอยู่ในน้ำ บนบก และที่อันไม่ราบเรียบก็ดี อันอยู่ในที่ใกล้เคียง จงมาประชุมพร้อมกันในที่นี้ คำใดเป็นของพระมุนี ท่านสาธุชนทั้งหลาย จงสดับคำข้าพเจ้านั้น ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลฟังธรรม. ( 3 หน )

พระคาถา คาถามหาเมตตา ม เมตตา จ มหาราชา อ เมตตา จ มหาราชา อุ เมตตา จ มหาราชา สัพพสิเนหา จ ปูชิตา สัพพสุขัง มหาลาภัง ราชโกธัง วินาสสันติ ชนาโกธัง วินาสสันติ สัพพโกธัง วินาสสันติ คาถาป้องกันตัว

ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงการะณา ฆะเฏสิ อะหังปิ ตัง ชานามิ ชานามิ * พระคาถาบทนี้สวดป้องกันตัวได้ทุกขณะ ก่อนนอนให้ภาวนาที่หมอนทุกคืน ถ้ามีภัยใดๆ จะเกิดขึ้น จะทำให้รู้สึกตัวก่อน

คาถาย่นระยะทาง

ปัททะวิงขิปิดตะวา

คาถาแปลงเป็นจรเข้

อิติปิโสภควา สี่ตีนสองตา มัดพระคาถาเยียดเจ็ด อิติปิโสภควา สี่ตีนสองตา คลายพระคาถาเยียด

อิติปิโสถอยหลัง

ติ วา คะ ภะโธ พุท นัง สา นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ นุต อะ ทู วิ กะโล โต คะ สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิฯ

พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

๑. อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วัจจะ โส ภะคะวาฯ

๒. อะระหัง ตัง สะระณัง คัจฉามิ อะระหัง ตัง สิระสา นะมามิ สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ วิชชาจะระณะ สัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ วิชชาจะระณะ สัมปันนัง สิระสา นะมามิ สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ สุคะตัง สิระสา นะมามิ โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ

๓. อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะธัมมะสาระถิ วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วัจจะ โส ภะคะวาฯ อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วัจจะ โส ภะคะวาฯ

๔. อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ ปุริสะธัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ ปุริสะธัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ พุทธัง สิระสา นะมามิ อิติปิ โส ภะคะวาฯ

๕. อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวาฯ

๖. อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีจักกะวาฬะ จะตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา เตโชจักกะวาฬะ จะตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วาโยจักกะวาฬะ จะตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อาโปจักกะวาฬะ จะตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะจักกะวาฬะ จะตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน

๗. อิติปิ โส ภะคะวา ยามา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระติ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน

๘. อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะตุถะฌานะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน ๙. อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะนะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณัญจายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะนะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญาจายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะนะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน

๑๐. อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน

๑๑. อิติปิ โส ภะคะวา โสตาอะระหัตตะปะฏิผะละ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาอะระหัตตะปะฏิผะละ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาอะระหัตตะปะฏิผะละ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน

๑๒. กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะ อา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ชมภูทิปัญจะอิสสะโร กุสะลา ธัมมา นะโม พุทธายะ นะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ ปัญจะพุทธา นะมามิหัง อา ปา มะ จุ ปะ ที มะ สัง อัง ขุ สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ อุ ปะ สะ ชะ สุ เห ปา สา ยะ โส โสสะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว อะ สัง วิ สุ โร ปุ สะ ภุ พะ อิ สะ วา สุ สุ สะ วา อิกุสะลา ธัมมา จิตติ วิอัตถิ

๑๓. อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามี สาโพธิปัญจะ อิสสะโร ธัมมา

๑๔. กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ จาตุมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะ สัมปันโน อุ อุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา พรัหมมา สัททะปัญจะ สัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

๑๕. ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา ปุ กะ ยะ ปะ ปุริสะธัมมะสาระถิ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

๑๖. นิมมานะระติ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา เหตุโปวะ สัตถา เทวะมะนุสสานัง ตะถะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

๑๗. ปาระนิมมิตะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา สังขาระขันโธ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ พุทธะปะผะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณังคัจฉามิ

๑๘. พรัหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัตถิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตายายะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามินะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธิ ลาโภ กะลากะระกะนา เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

๑๙. นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะวิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ อัตติ อัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

๒๐. อินทะสาวัง มะหาอินทาสาวัง พรัหมมะสาวัง มะหาพรัหมมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติสาวังเทวาสาวัง มะหาเทวาสาวังอิสิสาวัง มะหาอิสิสาวังมุนีสาวัง มะหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มะหาสัปปุริสะสาวังพุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวังอะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิ วิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกา อิริยานังสาวังเอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ

๒๑. สาวัง คุณัง วะชะพะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ฐานัง สีลัง ปัญญานิกขังปุญญังภาคะยัง ตัปปัง สุขัง สิริรูปัง จะตุวิสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

๒๒. นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธนะโม อิติปิ โส ภะคะวาฯ

๒๓. นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธนะโม สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

๒๔. นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

๒๕. นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

๒๖. นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง

๒๗. นะโม พุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะ ตัสสะ หาโย โม นะ อุ อะ มะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา อุ อะ มะ อา วันทา นะโมพุทธายะ นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา

พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก (แปล)

๑. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้รู้แจ้งโลก

๒. ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นพระอรหันต์ว่า เป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็นพระอรหันต์ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ทรงตรัสรู้เองโดยชอบว่า เป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ทรงตรัสรู้เอง ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เสด็จไปดีแล้ว ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เสด็จไปดีแล้ว ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้รู้แจ้งโลก ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้รู้แจ้งโลก ด้วยเศียรเกล้า

๓. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นอนุตตะโร คือ ยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตื่นจากกิเลส

๔. ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ยอดเยี่ยม ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ยอดเยี่ยม ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็น ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ตื่นจากกิเลส ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ตื่นจากกิเลส ด้วยเศียรเกล้า

๕. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น รูปขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เวทนาขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น สัญญาขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น สังขารขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น วิญญาณขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว

๖. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ดินจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ไฟจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ลมจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ น้ำจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ อากาศจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์

๗. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นยามา พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นดุสิต พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นนิมมานรดี พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในกามาวจรภูมิ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในรูปาวจรภูมิ

๘. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ปฐมญาน พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ทุติยญาน พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ตติยญาน พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ จตุตถญาน พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ปัญจมญาน

๙. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ อากาสานัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ วิญญาณัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ อากิญจัญญายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ

๑๐. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระโสดาปัตติมรรค พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระสกิทาคามิมรรค พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอนาคามิมรรค พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอรหัตตมรรค

๑๑. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระโสดาปัตติผล และ พระอรหัตตผล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระสกิทาคามิผล และ พระอรหัตตผล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอนาคามิผล และ พระอรหัตตผล

๑๒. ธรรมะฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นอิสสระแห่งชมภูทวีป ธรรมะฝ่ายกุศล ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระสังฆเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ด้วยหัวใจพระวินัยปิฎก ด้วยหัวใจพระสุตตันตปิฎก ด้วยหัวใจพระอภิธรรมปิฎก ด้วยมนต์คาถา ด้วยหัวใจมรรคสี่ ผลสี่ และ นิพพานหนึ่ง ด้วยหัวใจพระเจ้าสิบชาติทรงแสดงการบำเพ็ญบารมีสิบ ด้วยหัวใจพระพุทธคุณเก้า ด้วยหัวใจพระไตรรัตนคุณ ธรรมะฝ่ายกุศล มีนัยอันวิจิตรพิสดาร

๑๓. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

๑๔. ธรรมะฝ่ายกุศล ของผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกา ธรรมะฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ธรรมะฝ่ายกุศล พระพุทธเจ้าเป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นยามา ธรรมะฝ่ายกุศล ด้วยความศรัทธาต่อพระพรหม ด้วยพระบารมีอันยอดเยี่ยมของพระโพธิสัตว์ทั้งห้า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

๑๕. ธรรมะฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นดุสิต

๑๖. ธรรมะฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

๑๗. ธรรมฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้รู้แจ้ง สังขารขันธ์ รูปขันธ์ เป็นของไม่เที่ยง เป็นความทุกข์ มิใช่เป็นตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นปรนิมมิตตวสวัสดี

๑๘. ธรรมะฝ่ายกุศล ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เป็นอิสสระถึงสวรรค์ชั้นพรหมโลก ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระสังฆเจ้า ด้วยคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งตราบเข้าสู่พระนิพพาน

๑๙. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระสังฆเจ้า ด้วยการสวดมนต์พระคาถานี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

๒๐. ด้วยการสวดพระคาถามหาทิพมนต์นี้ และด้วยการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

๒๑. ด้วยการสวดพระคาถามหาทิพมนต์นี้ และด้วยการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

๒๒. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ผู้เข้าถึงรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

๒๓. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ผู้เข้าถึงรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

๒๔. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

๒๕. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติดีแล้ว

๒๖. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระสังฆเจ้า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติดีแล้ว

๒๗. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ด้วยคำสอนของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มิใช่ตัวตนของเราจริง ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ด้วยพระธรรมคำสั่งสอน ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มิใช่ตัวตนของเราจริง

1. นะโม 3 จบ

2. ชุมนุมเทวดา

คือ สัคเค กาเม จะรูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฏเฐ จะคาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะ วัตถุมหิ เขตเต ภูมมา จายันตุเทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เมสุณันตุ ฯ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ จบ 3. ท่องคาถา บทใดบทหนึ่งที่ผมให้นี้ตามกำลังวัน